คุณหมอไก่กับการสร้างแบรนด์ EBH ให้โดดเด่นและยั่งยืน

ผู้หญิงคนหนึ่ง ในฐานะหมอ ที่ดูแลดวงตามานับหมื่นคู่ ตลอดระยะเวลาการทำงานมามากกว่า 13 ปี แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ เธอก็ต้องค้นหาตัวตนอยู่นานหลายปี จนค้นพบตัวตนและความถนัดของตัวเอง จนเป็นจุดเริ่มต้นของคลินิกเกี่ยวกับดวงตา และกลายมาเป็นโรงพยาบาล ที่หลาย ๆ คนรู้จัก แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เธอต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นและเป็นที่รู้จัก ซึ่งสิ่งที่ทำมาทั้งหมดเป็นเรื่องราวของคุณหมอไก่-แพทย์หญิงอาภรณ์ ไชยเครื่อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลตากรุงเทพ (Eye Bangkok Hospital: EBH)

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในช่วงที่คุณหมอไก่เรียนจบมาใหม่ ๆ แม้จะมีการทำตาสองชั้น แต่ยังไม่แพร่หลายหรือเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งสถานที่ที่ให้บริการด้านนี้จึงมีอยู่เพียงไม่กี่แห่ง ทำให้ยังพอมีโอกาสในการเข้าไปแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด แม้มันอาจจะดูเสี่ยง แต่แท้จริงแล้ว ในทุกธุรกิจล้วนมีความเสี่ยง แต่ด้วยอายุของคุณหมอยังไม่มาก จึงสามารถรับความเสี่ยงที่สูงได้ และสิ่งที่จะช่วยให้ความเสี่ยงลดลงได้ ก็คือทำในสิ่งที่มีความรู้และมีความถนัด

คุณหมอไก่ เล่าว่า โดยส่วนตัวไม่ได้ต้องการเรียนหมอ แต่เพราะคุณพ่ออยากให้เรียน เนื่องจากมองว่าอาชีพนี้มีความมั่นคงสูง แต่หลังจากเรียนจบมา แม้ว่าอาชีพหมอจะเป็นอาชีพที่ดูดีในสังคมและมีความมั่นคงในระดับหนึ่ง แต่อาชีพหมอที่แท้จริง อาจไม่ได้ทำให้มีฐานะที่ดีหรือร่ำรวยในแบบที่หลาย ๆ คนเข้าใจ บวกกับเส้นทางการเติบโตโดยทั่วไปของหมอ ไม่ได้ตรงกับความต้องการของคุณหมอไก่ ทำให้เธอตัดสินใจ เลือกเดินในเส้นทางอื่น โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับด้านความงาม เนื่องจากเป็นสิ่งใหม่ในช่วงเวลานั้น

โดยเริ่มจากการเป็นหมอดูแลด้านผิวพรรณ เนื่องจากแพร่หลายที่สุดในช่วงเวลานั้น สิ่งที่ทำให้กล้าตัดสินใจลาออกมาทำคลินิกเป็นของตัวเอง เพราะคิดว่าไม่น่าจะทำยาก ถ้าในวันนั้นรู้ว่าลาออกมาแล้วยาก คงไม่มีทุกวันนี้ เพราะคำว่า “หมอ” กับ “เจ้าของธุรกิจ” แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และในการเปิดคลินิก สิ่งที่ยากไม่ใช่บทบาทความเป็นหมอที่ต้องดูแลคนไข้เพิ่มมากขึ้น แต่เป็นบทบาทของความเป็นนักธุรกิจ โดยสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับคุณหมอไก่คือ “การหาตัวตนของตัวเอง” ให้เจอ เพื่อสร้างจุดเด่นให้คนจดจำ โดยไม่เหมือนหรือซ้ำกับของคนอื่น ๆ

เป็นระยะเวลากว่า 2 ปีที่คุณหมอไก่กว่าจะค้นพบตัวตนที่ชัดเจน ซึ่งพบว่า โดยส่วนตัวของคุณหมอ เป็นคนย้ำคิดย้ำทำ และละเอียดรอบคอบ จึงคิดต่อไปว่า ทำยังไง? ถึงจะนำสิ่งนี้ไปต่อยอดได้ ซึ่งในช่วงค้นหาตัวตน ก็ไปเรียนเพิ่มเติมในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมัน จมูกและตา เป็นต้น ซึ่งจากสองสิ่งนี้ นำมาประกอบกัน จึงพบว่า การทำเกี่ยวกับดวงตา เป็นสิ่งที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบแบบที่คุณหมอเป็น จึงตัดสินใจเลือกเดินไปในเส้นทางของคุณหมอเกี่ยวกับดวงตา

หลังจากการค้นพบตัวตนของตัวเองพบแล้ว ก็เป็นช่วงเวลาของการนำเสนอสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีหรือโดดเด่น อธิบายง่าย ๆ คือ เมื่อ Branding ของตัวเองชัดเจน ก็ถึงเวลาที่ต้องทำ Marketing โดยเลือกทักษะที่เชี่ยวชาญที่สุดนำเสนอออกไป คือ “การทำตาสองชั้น” แต่ในช่วงเวลานั้น การทำคลินิกตาสองชั้น เป็นความท้าทายมาก นอกจากจะไม่แพร่หลาย คนทั่วไปก็แทบจะไม่รู้จัก แต่คุณหมอไก่กลับมองความท้าทายนี้เป็นโอกาส ถ้าสามารถทำให้ตัวเองโดดเด่นและเป็นที่รู้จักได้ ก็จะกลายเป็นผู้นำในตลาดนี้ ซึ่งสิ่งที่คุณหมอไก่เลือกที่จะทำคือการสื่อสารผ่านทางออนไลน์ ทำให้คนรู้จักคุณหมอและคลินิกเพิ่มมากขึ้น

ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปีหลังจากนั้น ก็สามารถขยายสาขาที่ 2 และค่อย ๆ ขยายสาขามาเรื่อย ๆ จนถึง 10 สาขา แต่สิ่งที่ขยายต่อไปไม่ใช่สาขาที่ 11 แต่กลายเป็น “โรงพยาบาลตากรุงเทพ” แม้ว่าที่ผ่านมาการทำคลินิกได้มากถึง 10 สาขา ก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่การที่จะให้ธุรกิจยั่งยืนอย่างยาวนาน ก็ต้องต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่ เพื่อให้เติบโตมากขึ้นในอนาคต และสิ่งสำคัญคือ หากไม่คิดต่อยอดหรือพัฒนา สุดท้ายจะมีคนอื่นมาแทนที่เราในไม่ช้า

และที่โรงพยาบาลตากรุงเทพ ไม่ได้มีเพียงแค่การทำตาสองชั้น แต่ครอบคลุมทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ “ดวงตา” ทั้งในด้านความงามและปัญหาที่เกี่ยวกับดวงตา นอกจากนั้นยังให้บริการได้ทุกช่วงอายุ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น วัยกลางคน รวมไปถึงผู้สูงอายุ เมื่อสามารถทำให้ครอบคลุมได้ครบทุกเรื่อง แต่เป็นเรื่องเฉพาะทาง และสามารถสร้างมาตรฐานที่สูง จนลูกค้าหรือคนไข้ให้การยอมรับ เราก็จะกลายเป็นเบอร์ 1 ทางด้านนี้

เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– https://youtu.be/VZ_Fkb_85ug?si=vkjobRCowto1_u9y