โอ้กะจู๋: จากฟาร์มสู่ธุรกิจพันล้านที่เติบโตอย่างยั่งยืน

ในโลกที่ธุรกิจเต็มไปด้วยการแข่งขัน โดยเฉพาะร้านอาหาร ที่มีอัตราการเปิดตัวและปิดตัวใกล้เคียงกัน การที่ร้านหรือแบรนด์จะยืนหยัดให้ได้ในระยะยาว ส่วนหนึ่งต้องมีคอนเซ็ปต์หรือแนวคิดที่ชัดเจน แต่หลายคนอาจเกิดคำถามว่า แล้วควรมีคอนเซ็ปต์ที่ใช่ก่อนหรือลงมือทำก่อนแล้วค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของตลาด ซึ่งทั้งสองวิธีล้วนมีความแตกต่างกัน แต่สำหรับ “โอ้กะจู๋” การเริ่มต้นจากแนวคิดที่เป็นเอกลักษณ์และชัดเจน สามารถทำให้ธุรกิจไปสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
“โอ้กะจู๋” เริ่มต้นจากความสนใจในเรื่องของการปลูกผักแบบออร์แกนิกโดยสองเพื่อนสนิทคือ คุณอู๋-ชลากร เอกชัยพัฒนกุล และคุณโจ้-จิรายุทธ ภูวพูนผล โดยมีคอนเซ็ปต์ที่ว่า ต้องการปลูกผักที่ไม่ใช่เพียงคุณภาพดีและต้องเป็นผักที่กล้าซื้อกลับไปทำอาหารให้ที่บ้านรับประทาน พวกเขาจึงเริ่มจากการทดลองปลูกผักในจังหวัดเชียงใหม่เป็นเวลานานถึง 3 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดร้านในปี พ.ศ. 2556 การตัดสินใจในครั้งนี้ ตามมาด้วยความท้าทายที่ว่า ในช่วงเวลานั้น การปลูกผักแบบออร์แกนิกเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
ด้วยความพยายามในการสื่อสารและการใช้สื่อโซเชียลที่กำลังได้รับความนิยม ทำให้นักท่องเที่ยวที่แวะมาทานอาหารที่ร้าน ช่วยโปรโมต ทำให้ร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น และอีกจุดขายสำคัญที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญคือ เมื่อมีลูกค้ามาทานอาหารที่ร้านมากขึ้น การเตรียมผักก็ไม่เพียงพอ แต่สามารถเดินไปเก็บผัดสด ๆ มาประกอบอาหารให้ลูกค้ารับประทานได้ จนกลายเป็นคอนเซ็ปต์ที่ว่า “From Farm to Table” ช่วยสร้างความประทับใจ และเกิดเสียงเรียกร้องให้มาเปิดสาขาที่กรุงเทพฯ
ในปี พ.ศ. 2557 โอ้กะจู๋ก็มาบุกกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก แต่ก่อนที่จะมาบุกก็ได้มาทำการสำรวจพื้นที่ ว่าควรจะขยายสาขาไปที่ไหน ซึ่งสำหรับคนต่างจังหวัด ในช่วงเวลานั้น คำว่ามาถึงกรุงเทพฯ ก็ต้องไม่พลาดที่จะไปที่สยาม จึงเป็นที่มาของการขยายสาขามาที่ “สยามสแคว์” ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของแบรนด์
การขยายสาขามาที่สยามสแคว์ ได้รับการตอบรับดีเกินคาด โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยไปทานที่ร้านในสาขาเชียงใหม่ ก็ได้ชวนครอบครัวและเพื่อนที่ยังไม่เคยไปมาลองทานที่ร้าน ทำให้แบรนด์เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่กว่าจะเปิดสาขานี้ได้ ก็ต้องคิดพิจารณาหลาย ๆ อย่าง ทั้งในเรื่องของความสดของผัก การต้องมีครัวกลางเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการจัดการโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาคุณภาพและมาตรฐานที่ตั้งไว้ตั้งแต่ตอนแรก
เมื่อร้านโอ้กะจู๋ประสบความสำเร็จในระดับนึง ก็เกิดการประชุมกันระหว่าง Manager แต่ละแผนกว่า นอกจากการทำ โอ้กะจู๋ แต่ละคนอยากทำอะไรใหม่ ๆ บ้าง แต่ต้องอยู่ภายใต้ Framework 4 ข้อคือ
[1] สิ่งใหม่ที่จะทำ ต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิมที่มีอยู่
[2] ตลาดต้องใหญ่มากพอที่จะดึงดูดให้ลงไปเล่น
[3] ต้องสามารถสร้างความแตกต่างโดยใช้ของเดิมที่มีอยู่
[4] ใช้ทรัพยากร (resource) ร่วมกันได้ ทั้งทีมงานและวัตถุดิบ
ซึ่งก็มีการระดมไอเดียความคิดต่าง ๆ มากมายจนสุดท้าย ก็มาลงเอยที่ “Oh Juice” ซึ่งเป็นสิ่งที่ต่อยอดมาจากโอ้กะจู๋ ในแง่ที่ว่า เมื่อลูกค้ามาทานอาหารที่ร้านก็มักจะสั่ง smoothie จึงมองเห็นว่า หากลูกค้าต้องการดื่มแค่ smoothie ก็ไม่จำเป็นต้องมาที่โอ้กะจู๋ ก็ได้ ทำให้ลูกค้าสามารถดื่มได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น สร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าและเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจ
ในปัจจุบัน นอกจากโอ้กะจู๋ หรือ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) จะเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แล้ว ยังได้พันธมิตรที่ดีเข้ามาถือหุ้นอย่าง OR หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 20% ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ด้วยการให้ข้อมูลหลังบ้านเพื่อช่วยในการขยายสาขา เช่น ข้อมูลTraffic และความหนาแน่นของประชากรในพื้นที่ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการนำสินค้าไปวางจำหน่ายใน Cafe Amazon และการเปิดสาขาใน PTT Station อีก 4 สาขา
ในปีที่ผ่านมา บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) มีรายได้รวม 2,400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จาก โอ้กะจู๋คิด 95%, แบรนด์อื่น ๆ 4% และสินค้าที่วางใน Cafe Amazon อีก 1% ซึ่งหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จของ “โอ้กะจู๋” คือการเข้าใจ “Brand purpose” ซึ่งสำหรับโอ้กะจู๋ คำตอบคือการมอบคุณค่าที่แท้จริงให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพและประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์
การเริ่มต้นธุรกิจไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือธุรกิจอื่น ๆ การคิดคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนตั้งแต่วันแรก เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจมีทิศทางที่มั่นคง การศึกษาและเข้าใจตลาดของความต้องการของลูกค้า การปรับตัวตามตลาด และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ล้วนเป็นสิ่งที่สามารถสร้างความสำเร็จในธุรกิจได้ระยะยาว
“โอ้กะจู๋” คือการไม่หยุดพัฒนาและมองหาความแตกต่าง เพื่อสร้างสรรค์คุณค่าให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง”
[คุณอู๋-ชลากร เอกชัยพัฒนกุล]
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– The Entrepreneur Forum 2025