โอ้กะจู๋: จากฟาร์มสู่ธุรกิจพันล้านที่เติบโตอย่างยั่งยืน

0
Ohkajhu organic restaurant Farm-to-table business model Organic food brand strategy Restaurant success tips OR investment in Ohkajhu ร้านอาหารโอ้กะจู๋ ธุรกิจอาหารออร์แกนิก กลยุทธ์ From Farm to Table วิธีสร้างแบรนด์อาหารให้ประสบความสำเร็จ OR ลงทุนในโอ้กะจู๋


ในโลกที่ธุรกิจเต็มไปด้วยการแข่งขัน โดยเฉพาะร้านอาหาร ที่มีอัตราการเปิดตัวและปิดตัวใกล้เคียงกัน การที่ร้านหรือแบรนด์จะยืนหยัดให้ได้ในระยะยาว ส่วนหนึ่งต้องมีคอนเซ็ปต์หรือแนวคิดที่ชัดเจน แต่หลายคนอาจเกิดคำถามว่า แล้วควรมีคอนเซ็ปต์ที่ใช่ก่อนหรือลงมือทำก่อนแล้วค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของตลาด ซึ่งทั้งสองวิธีล้วนมีความแตกต่างกัน แต่สำหรับ “โอ้กะจู๋” การเริ่มต้นจากแนวคิดที่เป็นเอกลักษณ์และชัดเจน สามารถทำให้ธุรกิจไปสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว


“โอ้กะจู๋” เริ่มต้นจากความสนใจในเรื่องของการปลูกผักแบบออร์แกนิกโดยสองเพื่อนสนิทคือ คุณอู๋-ชลากร เอกชัยพัฒนกุล และคุณโจ้-จิรายุทธ ภูวพูนผล โดยมีคอนเซ็ปต์ที่ว่า ต้องการปลูกผักที่ไม่ใช่เพียงคุณภาพดีและต้องเป็นผักที่กล้าซื้อกลับไปทำอาหารให้ที่บ้านรับประทาน พวกเขาจึงเริ่มจากการทดลองปลูกผักในจังหวัดเชียงใหม่เป็นเวลานานถึง 3 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดร้านในปี พ.ศ. 2556 การตัดสินใจในครั้งนี้ ตามมาด้วยความท้าทายที่ว่า ในช่วงเวลานั้น การปลูกผักแบบออร์แกนิกเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง


ด้วยความพยายามในการสื่อสารและการใช้สื่อโซเชียลที่กำลังได้รับความนิยม ทำให้นักท่องเที่ยวที่แวะมาทานอาหารที่ร้าน ช่วยโปรโมต ทำให้ร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น และอีกจุดขายสำคัญที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญคือ เมื่อมีลูกค้ามาทานอาหารที่ร้านมากขึ้น การเตรียมผักก็ไม่เพียงพอ แต่สามารถเดินไปเก็บผัดสด ๆ มาประกอบอาหารให้ลูกค้ารับประทานได้ จนกลายเป็นคอนเซ็ปต์ที่ว่า “From Farm to Table” ช่วยสร้างความประทับใจ และเกิดเสียงเรียกร้องให้มาเปิดสาขาที่กรุงเทพฯ


ในปี พ.ศ. 2557 โอ้กะจู๋ก็มาบุกกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก  แต่ก่อนที่จะมาบุกก็ได้มาทำการสำรวจพื้นที่ ว่าควรจะขยายสาขาไปที่ไหน ซึ่งสำหรับคนต่างจังหวัด ในช่วงเวลานั้น คำว่ามาถึงกรุงเทพฯ ก็ต้องไม่พลาดที่จะไปที่สยาม จึงเป็นที่มาของการขยายสาขามาที่ “สยามสแคว์” ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของแบรนด์


การขยายสาขามาที่สยามสแคว์ ได้รับการตอบรับดีเกินคาด โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยไปทานที่ร้านในสาขาเชียงใหม่ ก็ได้ชวนครอบครัวและเพื่อนที่ยังไม่เคยไปมาลองทานที่ร้าน ทำให้แบรนด์เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่กว่าจะเปิดสาขานี้ได้ ก็ต้องคิดพิจารณาหลาย ๆ อย่าง ทั้งในเรื่องของความสดของผัก การต้องมีครัวกลางเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการจัดการโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาคุณภาพและมาตรฐานที่ตั้งไว้ตั้งแต่ตอนแรก


เมื่อร้านโอ้กะจู๋ประสบความสำเร็จในระดับนึง ก็เกิดการประชุมกันระหว่าง Manager แต่ละแผนกว่า นอกจากการทำ โอ้กะจู๋ แต่ละคนอยากทำอะไรใหม่ ๆ บ้าง แต่ต้องอยู่ภายใต้ Framework 4 ข้อคือ

[1] สิ่งใหม่ที่จะทำ ต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิมที่มีอยู่
[2] ตลาดต้องใหญ่มากพอที่จะดึงดูดให้ลงไปเล่น
[3] ต้องสามารถสร้างความแตกต่างโดยใช้ของเดิมที่มีอยู่
[4] ใช้ทรัพยากร (resource) ร่วมกันได้ ทั้งทีมงานและวัตถุดิบ


ซึ่งก็มีการระดมไอเดียความคิดต่าง ๆ มากมายจนสุดท้าย ก็มาลงเอยที่ “Oh Juice” ซึ่งเป็นสิ่งที่ต่อยอดมาจากโอ้กะจู๋ ในแง่ที่ว่า เมื่อลูกค้ามาทานอาหารที่ร้านก็มักจะสั่ง smoothie จึงมองเห็นว่า หากลูกค้าต้องการดื่มแค่ smoothie ก็ไม่จำเป็นต้องมาที่โอ้กะจู๋ ก็ได้ ทำให้ลูกค้าสามารถดื่มได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น สร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าและเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจ


ในปัจจุบัน นอกจากโอ้กะจู๋ หรือ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) จะเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แล้ว ยังได้พันธมิตรที่ดีเข้ามาถือหุ้นอย่าง OR หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 20% ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ด้วยการให้ข้อมูลหลังบ้านเพื่อช่วยในการขยายสาขา เช่น ข้อมูลTraffic และความหนาแน่นของประชากรในพื้นที่ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการนำสินค้าไปวางจำหน่ายใน Cafe Amazon และการเปิดสาขาใน PTT Station อีก 4 สาขา 


ในปีที่ผ่านมา บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) มีรายได้รวม 2,400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จาก โอ้กะจู๋คิด 95%, แบรนด์อื่น ๆ 4% และสินค้าที่วางใน Cafe Amazon อีก 1% ซึ่งหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จของ “โอ้กะจู๋” คือการเข้าใจ “Brand purpose” ซึ่งสำหรับโอ้กะจู๋ คำตอบคือการมอบคุณค่าที่แท้จริงให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพและประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์ 


การเริ่มต้นธุรกิจไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือธุรกิจอื่น ๆ การคิดคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนตั้งแต่วันแรก เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจมีทิศทางที่มั่นคง การศึกษาและเข้าใจตลาดของความต้องการของลูกค้า การปรับตัวตามตลาด และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ล้วนเป็นสิ่งที่สามารถสร้างความสำเร็จในธุรกิจได้ระยะยาว 


“โอ้กะจู๋” คือการไม่หยุดพัฒนาและมองหาความแตกต่าง เพื่อสร้างสรรค์คุณค่าให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง” 
[คุณอู๋-ชลากร เอกชัยพัฒนกุล]

เรียบเรียงโดย: THE INSIDER 
Source
– The Entrepreneur Forum 2025

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *