สร้างอาณาจักร จาก ศูนย์ สู่ แสนล้าน ภายใน 30 ปี

ผู้ที่เริ่มทำธุรกิจจากศูนย์ ภายในชั่วอายุคน สามารถสร้างอาณาจักรไปถึงแสนล้าน และเป็นผู้หญิงที่เติบโตมาในสิ่งแวดล้อมที่ผู้ชายมีอำนาจเหนือกว่ามาก และทำธุรกิจที่ผู้หญิงทั่วไปก็ไม่คิดจะทำ ซึ่งเกี่ยวกับสายวิศวกรรม นอกจากนั้นยังมีความสามารถในการจับเทรนด์ใหม่ ๆ ได้ 4-5 ครั้ง คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้หญิงคนนี้ คุณจูน-จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA
ย้อนกลับไปเมื่อตอนอายุ 10 ขวบ เด็กหญิงคนหนึ่ง ที่มีความฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ เพราะโดยนิสัยส่วนตัว คุณจูนไม่ชอบทำอะไรตามใครและไม่อยากให้ใครมากำหนดชีวิต สิ่งที่ต้องทำก็คือ ต้องมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แล้วสามารถดึงคนที่มีแนวความคิดแบบเดียวกับคุณจูน มาอยู่ด้วยกัน
คุณจูนเติบโตในครอบครัวที่ล้มเหลวทางธุรกิจ และต้องย้ายจากกรุงเทพฯ ไปอยู่ต่างจังหวัด โดยใช้ชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย จึงได้กลับมาที่กรุงเทพฯ เนื่องจากสอบเข้าคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยมหิดลได้ และหลังจากเรียนจบ ก็เริ่มทำงานที่บริษัทยา แต่ไม่ได้ทำงานตรงสายที่จบมา
แต่คุณจูนก็ไม่เคยทิ้งความฝันที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง คุณจูนจึงตัดสินใจเรียน MBA หลักสูตรภาคค่ำ และหลังจากเรียนจบ ก็ตัดสินใจลาออกจากบริษัทยา ไปเปิดบริษัทของตัวเอง เป็น Trading Company ด้านพลาสติก ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยเจอก๊าซธรรมชาติ คุณจูนจึงมองว่า เทรนด์พลาสติกกำลังจะมาในอนาคต
แม้พลาสติกจะมีหลายชนิด แต่ด้วยความรู้ที่ติดตัวมาตอนเรียนคณะสาธารณสุข ทำให้คุณจูนเข้าใจความแตกต่างของพลาสติกแต่ละชนิด ว่าแต่ละชนิดเหมาะสมที่จะนำไปต่อยอดทำอะไรได้บ้าง ทำให้คุณจูนสามารถสร้างความแตกต่างเวลาไปขายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า และสามารถขายชนะ agent หลักของโรงงานผลิตพลาสติก จนกลายมาเป็น agen หลักแทนเจ้าเดิม
เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่ง ที่ขายเข้าไปใน warehouse หรือ คลังสินค้า ทำให้เห็นว่า คลังสินค้า ของไทยคุณภาพต่ำและปัญหาอีกหลาย ๆ อย่าง คุณจูนจึงเห็นช่องว่างนี้ พร้อมกับการโผล่มาของคำว่า “โลจิสติกส์” คุณจูนจึงสนใจที่จะทำคลังสินค้า ซึ่งเป็นจุดตรงกลางระหว่างผู้ขายไปสู่ผู้ซื้อ แต่ต้องลดต้นทุนการขนส่งได้ด้วย
แม้ในขณะนั้นจะมีคนทำคลังสินค้าอยู่มากมาย แต่เป็น local standard ไม่ตอบโจทย์ทางด้านธุรกิจสมัยใหม่ ซึ่งข้อมูลนี้คุณจูนได้มาจากการพูดคุยกับลูกค้า โดยบางบริษัทต้องใช้คลังสินค้ามากกว่า 10 แห่ง คุณจูนจึงตัดสินใจกระโดดเข้าสู่วงการคลังสินค้า และเปลี่ยนจากการเรียกว่า warehouse เป็น distribution center เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าสมัยใหม่มากขึ้น
แต่การจะทำ distribution center ต้องลงทุนหลักพันล้าน ซึ่งไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว จึงตัดสินใจนอกจากจะขอกู้เงินจากธนาคาร ก็จำเป็นต้องขายหุ้นให้กับบริษัทต่างชาติ แต่ผู้ที่จะมาซื้อหุ้น ต้องเป็นทางด้าน strategic investor เพราะไม่ได้ต้องการเพียงแค่เงินลงทุน แต่ต้องการองค์ความรู้ด้วย จึงทำให้ distribution center ประสบความสำเร็จในขณะนั้น
และนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการขายหุ้น ไปก่อตั้งบริษัทที่ 3 นั่นคือ WHA corporation พร้อมกับการเจอโอกาสใหม่ในปี 2010 คือ Property Fund หรือ REIT (Real Estate Investment Trust) ในปัจจุบัน จึงขาย asset ส่วนหนึ่งเข้ากอง Property Fund เมื่อได้กำไร ก็นำไปลงทุนใน project ถัด ๆ ไป
จากนั้นในปี 2012 ก็นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งสิ่งที่ต้องการจากการเข้าตลาด เรื่องเงินไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ต้องการผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาช่วยงานและสร้างบริษัทให้เติบโต ก่อนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ได้ซื้อหุ้นของสองบริษัทที่ขายหุ้นให้กับต่างชาติคืนมาทั้งหมด แล้วนำมาบริหารภายใต้ WHA และนำ WHA เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ โดยมี Market cap ประมาณ 6.7 พันล้าน
เพียงแค่ 1 ปีถัดจากการเข้าตลาด ก็เดินหน้าลุยตลาดต่างประเทศ โดยมองไปที่ประเทศใกล้เคียง แต่พบว่ายังไม่มีความพร้อม จึงเกิดความคิดว่า ถ้าจะทำให้เขาพร้อม ก็ต้องเริ่มจากต้องมีพื้นฐาน infrastructure โดยความเป็นไปได้หนึ่งเดียวคือ นิคมอุตสาหกรรม เพื่อจะได้วางโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมพัฒนาอุตสาหกรรมทั้งหมดได้
สิ่งเดียวที่จะสามารถย่อเวลาของการสร้างหรือปั้นธุรกิจใหม่ คือการ take over เมื่อตัดสินใจแล้ว คุณจูนก็ได้ประกาศในที่ประชุมบอร์ดว่า จะ take over เหมราช ซึ่งในเวลานั้น เขามี Market cap ใหญ่กว่า WHA เกือบ 4 เท่า แต่ภายในปี 2015 ก็สามารถ take over เหมราช ได้ ด้วยเงิน 4.3 หมื่นล้าน และกลายเป็นธุรกิจที่ 4 ทันที
ในฐานะผู้ที่ประสบความสำเร็จจากการเกาะเทรนด์มาโดยตลอด คุณจูนบอกว่า ในปัจจุบันเป็นการเปลี่ยนถ่าย eco-system จะเกิด new economy ส่วนในมุมมองด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ มองว่าในอนาคต นอกจาก EV แล้ว ไฮโดรเจนจะมา แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ในส่วนของพลังงานทางเลือก จาก Solar Cell จะกลายเป็น SMR (Small Modular Reactor) และเรื่องที่เป็นกระแสในปัจจุบันคือ AI แต่ต่อไป ควอนตัม ก็จะตามมา
แต่ไม่ว่าจะตามเทรนด์ได้มากขนาดไหน สิ่งสำคัญคือต้องรู้ก่อนว่าเราเก่งและถนัดในเรื่องอะไร แล้วนำความถนัดของเรา ไปผนวกเข้ากับเทรนด์ แล้วพิจารณาว่าจะเป็นอนาคตของโลกหรือจะโดน disrupt โดยให้เลือกธุรกิจที่จะเป็นอนาคตของโลก เพราะนั่นคือเทรนด์ที่โลกจะก้าวไป นอกจากนี้ หากเราไม่สามารถแข่งขันกับเจ้าตลาดได้ ก็ให้มองไปในสิ่งเล็ก ๆ ที่น่าสนใจ และสร้างความแตกต่าง
หนึ่งใน mega trend ของไทยในปัจจุบัน คือการบุกตลาดของจีน เป็นสิ่งที่เกิดความกังวลกับธุรกิจขนาดกลาง แต่ข้อแนะนำจากพี่จูนคือ เรามีอะไรที่เหมือนเขาหรือไม่ เพราะเขามีทั้งความขยัน ความอึด และความเร็ว หากเราไม่มี เราก็ไม่มีทางสู้เขาได้ แต่ถ้าเรามี เราจะมีข้อได้เปรียบเมื่อเราเป็นเจ้าของพื้นที่ เราเข้าใจวัฒนธรรมของเรามากกว่าเขา เราก็สามารถชนกับเขาได้
สุดท้าย คำแนะนำสำหรับคนรุ่นใหม่ ว่า สำหรับคุณจูน ไม่มีคำว่า work life balance มีแต่ work life purpose ซึ่ง purpose ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งนั้นเป็นตัวกำหนดว่าเราต้องการอะไร แล้วเราจะเดินไปยังไง สิ่งสำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่ คือ ข้อได้เปรียบเรื่ององค์ความรู้มหาศาล
และปิดท้ายด้วยสิ่งที่พี่จูนยึดถือคือ 3 think คือ think big, think positive และ think for the future และ 1 unthink คือ please don’t think only of yourself
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER