วาเลนไทน์นี้ ธุรกิจอะไร มีโอกาสหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ แต่เปิดสัปดาห์มา ก็ถือว่าได้ก้าวเข้าสู่ช่วงเทศกาลแห่งความรัก และในช่วงกลางสัปดาห์ก็มีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาด้วยเช่นกัน โดยหอการค้าได้สำรวจว่าในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทป์ในปีนี้ คาดว่าจะมีเงินสะพัดกว่า 2.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.2% และสูงสุดในรอบ 6 ปี โดย Gen Y ใช้จ่ายมากที่สุด
คุณธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ มีวันสำคัญสองวัน คือ วันมาฆบูชาและวันวาเลนไทน์ จะมีเงินสะพัดประมาณ 5.2 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นวันมาฆบูชา ราว 2.5 พันล้าน และวันวาเลนไทน์ 2.7 พันล้านบาท
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้มีการใช้จ่ายช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์สูงขึ้น เนื่องจากในปีนี้ ตรงกับวันศุกร์ จึงเป็นตัวเร่งให้เกิดการใช้จ่าย คาดว่าจะมีมูลค่าสูงสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2563 ทั้งนี้ ประชาชนยังมองว่าเศรษฐกิจของไทยอยู่ระหว่างภาวะฟื้นตัว ทำให้การใช้จ่ายยังมีความระมัดระวัง
ผลสำรวจยังพบว่า Gen Y จะใช้จ่ายประมาณ 2,704 บาทต่อคน ตามมาด้วย Gen X และ Gen Z จะมีค่าใช้จ่าย 2,642 และ 1,528 บาทต่อคน ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนมีการใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ท่ามกลางบรรยากาศการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแบบอ่อนๆ และยังคงมีความระมัดระวัง
ขณะที่งานวิจัยของ National Retail Federation (NRF) พบว่า คนรุ่น Gen Z ให้ของขวัญวันวาเลนไทน์แพงว่าคนรุ่น Millennials ซึ่งเต็มใจที่จะลงทุนในประสบการณ์และของขวัญที่มีความหมายมากขึ้น และคนโสดใน Gen Z เกือบครึ่งรู้สึกกดดันที่จะต้องวางแผนออกเดตราคาแพง ส่งผลให้ต้องใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อแลกกับการลงทุนด้านความรู้สึก
สำหรับธุรกิจที่จะได้ประโยชน์ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ 5 อันดับแรกคือ
– ร้านขายของขวัญและร้านดอกไม้
– ร้านอาหารและคาเฟ่
– โรงแรมที่พัก
– ร้านไวน์และเครื่องดื่ม
– ช็อกโกแลตและขนมหวาน
[เพิ่มเติม] แล้วต้นกำเนิดของวาเลนไทน์ มาจากไหน แล้วทำไมต้องเป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์?
วันแห่งความรัก หรือ Valentine’s Day เกิดขึ้นในสมัยยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ โดยในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันที่ผู้คนจะให้เกียรติแด่ “เทพเจ้าจูโน” ผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน และเป็นเทพเจ้าแห่งการแต่งงาน ในรัชสมัยของจักรพรรดคลอดิอีสที่ 2 แห่งกรุงโรม
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีใจคอดุร้าย และนิยมการทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วมกองทัพ เนื่องจากไม่อยากจากคู่รักและครอบครัว จึงทรงมีพระราชโองการสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันโดยเด็ดขาด ทำให้ประชาชนเกิดความทุกข์ใจ
ในขณะนั้น มีนักบุญนามว่า “เซนต์วาเลนไทน์” หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรม ได้ร่วมมือกับ เซนต์มาริอัส จัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความหวังดีนี้เอง ทำให้เซนต์วาเลนไทน์ถูกจับขังคุก แต่เขาก็ยังส่งคำอวยพรของเขาเองจากห้องขัง
โดยเชื่อว่า เซนต์วาเลนไทน์ ได้ตกหลุมรักหญิงสาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุม ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกขังคุม และในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิต เขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงเธอ โดยลงท้ายจดหมายว่า “From Your Valentine”
ถึงแม้ประวัติของวันแห่งความรักจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้า แต่ต่อมานักบวชในนิกายโรมันคาทอลิก เลือกให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลวันแห่งความรัก จนกลายเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติทั่วโลกที่สืบทอดกันมาจนถึงทุกวันนี้
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– https://thestandard.co/valentines-day-2025-spending-trends/