ยาดมตราโป๊ยเซียน แบรนด์สมุนไพรไทย 88 ปี

หากพูดถึง “ยาดม” ภาพจำแรกของใครหลายคนคงหนีไม่พ้น “ยาดมตราโป๊ยเซียน” กับสโลแกนติดหูที่ว่า “ใช้ดม ใช้ทา ในหลอดเดียวกัน” แต่น้อยคนจะรู้ว่าเบื้องหลังความสำเร็จของยาดมหลอดเล็ก ๆ นี้ มีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่และน่าสนใจเกินกว่าที่จะจินตนาการได้ จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในย่านเยาวราช สู่การเป็นแบรนด์สมุนไพรไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ เรื่องราวของโป๊ยเซียนไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสำเร็จทางธุรกิจ แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ของความมุ่งมั่น วิสัยทัศน์ระดับสากล และหัวใจแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืนของคนรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า คุณต้นคูน-ดร.ณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์ ในฐานะทายาทรุ่นที่ 4 และ กรรมการ และที่ปรึกษาฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ของบริษัท
ตำนานของโป๊ยเซียนเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2479 ที่ย่านเยาวราช โดยรุ่นแรกหรือคุณทวดของคุณต้นคูน ซึ่งอพยพมาจากประเทศจีน พร้อมภูมิปัญญาด้านยาจีนดั้งเดิม ลองผิดลองถูกหลายอาชีพ จนท้ายที่สุดคือเปิดร้านขายยาสมุนไพรเล็ก ๆ และต้องการตั้งชื่อในคนจำได้และเรียกติดปากได้ง่าย จึงเป็นที่มาของชื่อ “โป๊ยเซียน” ที่แฝงไปด้วยความหมาย เนื่องจากคำว่า “โป๊ย” ที่แปลว่า แปด และ “เซียน” คือเทพเจ้าหรือสิ่งที่คนจีนเคารพ ดังนั้นคำว่า โป๊ยเซียน จึงหมายถึงเซียนทั้งแปด กลายเป็นชื่อที่จดจำง่ายและเต็มไปด้วยความหมายที่ดี
จากร้านขายยาสมุนไพรจีนเล็ก ๆ การเดินทางของโป๊ยเซียนผ่านกาลเวลามาสู่รุ่นที่สอง มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จนทำให้ยาดมมีทั้งยาดมโป๊ยเซียนและ “ยาดมพีเป๊กซ์” ที่เป็นสินค้าขายดีในช่วงเวลานั้น แต่เมื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นสองด้าน เลือกหยิบตัวยาดมโป๊ยเซียนมาพัฒนา จนกลายเป็นสโลแกนติดหูที่ว่า “ยาดมตราโป๊ยเซียน ใช้ดม ใช้ทา ในหลอดเดียวกัน” ซึ่งเป็น Signature ของแบรนด์ และเลือกวางจำหน่ายตามท่ารถโดยสาร เนื่องจากมองว่ากลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้มีอาการเมารถ จนกลายเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่เฉียบแหลม
ในขณะที่ธุรกิจกำลังดำเนินไปได้ด้วยดีและเริ่มมีการขยายตัว กลับเกิดวิกฤตขึ้น เนื่องจากที่ดินของโรงงานถูกเวนคืน จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้คุณพ่อของคุณต้นคูน ต้องใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาในด้านเภสัชศาสตร์ กับโรงงานแห่งใหม่ บนที่ดินแถวบางนา พร้อมเปลี่ยนโครงสร้างองค์การให้ทันสมัยมากขึ้นและก่อตั้ง “บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด” ในปี พ.ศ. 2532 โดยยึดหลักการบริหารแบบบริษัทจำกัด มีการประชุม โหวต และแบ่งหุ้นกันอย่างเท่าเทียม เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงและโปร่งใส
ต่อมาในรุ่นที่ 3 เป็นช่วงที่คุณต้นคูน กำลังจะเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมปลาย ช่วงเวลาเดียวกันนี้ รุ่นที่ 2 ซึ่งก็คือคุณปู่และคุณย่าของคุณต้นคูน ตัดสินใจแบ่งหุ้นที่มีทั้งหมดให้กับลูกทั้ง 3 คน ในช่วงที่บริหารโดยรุ่นที่ 3 เป็นช่วงเวลาของการตัดสินใจก้าวสู่เวทีโลกอย่างจริงจัง โดยมองไปที่การส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศ นอกจากการส่งออกไปยังต่างประเทศ ยังส่งออกไปไกลที่สุดในแง่ของพื้นที่ ตั้งแต่ชุมชนในต่างจังหวัด ไปจนถึงเมืองเล็ก ๆ ในต่างประเทศ ที่คนไทยมักจะใช้ในชีวิตประจำวัน
คุณต้นคูน ในฐานะทายาทรุ่นที่ 4 ไม่ได้มาสืบทอดธุรกิจเพียงเพราะเป็นหน้าที่ แต่เข้ามาด้วยความเข้าใจในวิชาชีพและความสามารถ และ Passion ที่เขามี โดยคุณต้นคูน จบปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์และการท่องเที่ยว และเภสัชศาสตร์ รวมปริญญาตรี 2 ใบ โดยจบปริญญาตรีใบแรกตอนอายุ 18 ปี และจบเภสัชศาสตร์ ตอนอายุ 26 ปี แต่ในขณะที่เรียนเภสัช ก็เรียนต่อปริญญาโทและเอกควบคู่กันไปด้วย ทำให้จบปริญญาเอกด้วยวัยเพียง 25 ปี และยังทำงานที่หลากหลาย ทั้งธุรกิจของครอบครัว เป็นครูสอนพิเศษ นักวิชาการ และมัคคุเทศก์
ด้วยความรักในประวัติศาสตร์ของคุณต้นคูน จึงกลายเป็นที่มาของการส่งต่อสิ่ง ๆ ให้กับสังคม เช่น โครงการ “Poysian Go Green Together” ซึ่งนำพลาสติกเหลือใช้จากโรงงานและชุมชน มาสร้างถนนบริเวณวัดพระศรีสรรเพชญ์ จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมมอบร่มและม้านั่งให้กับอุทยานประวัติศาสตร์ 5 แห่งในจังหวัดเดียวกัน เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หลังยุคโควิด-19
ในโอกาสที่โป๊ยเซียนก้าวเข้าสู่ปีที่ 88 บริษัทจึงได้จัดกิจกรรมพิเศษขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โป๊ยเซียนสไลเดอร์ยักษ์กลางสยาม งาน Phangnga Music On The BEACH & Craft Festival รวมถึงการมอบจักรยานและม้านั่งสาธารณะให้แก่โรงเรียนและโรงพยาบาลทั่วประเทศ สะท้อนจิตวิญญาณของแบรนด์ที่ไม่เพียงแต่เน้น “ยอดขาย” แต่ยังมุ่งสร้าง “ประโยชน์” ให้กับสังคมในทุกลมหายใจ
ปัจจุบัน เป็นที่ทราบกันดีว่ามีคู่แข่งเกิดขึ้นมากมาย ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดลดลง พร้อมกับจำนวนประชากรไทยที่ลดลงด้วย ดังนั้นเพื่อให้บริษัทสร้างยอดขายได้มากขึ้นและเติบโตมากขึ้น ตลาดต่างประเทศกลายเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ โดยที่ผ่านมาได้ทำการขยายไปต่างประเทศมากกว่า 30 ประเทศ จนสร้างยอดขายได้สูงถึง 1,200 ล้านบาท และยังคงยึดมั่นในคุณภาพการผลิตด้วยมาตรฐาน GMP และการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด ได้รับการรับรองจากทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งประเทศไทย (อย.) โดยผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นยังคงใช้ส่วนผสมสมุนไพรคุณภาพ
ความสำเร็จและความยั่งยืนของแบรนด์ตลอดระยะเวลากว่า 88 ปี ไม่ได้มาจากเพียงแค่การขายสินเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการปลูกฝังความคิดและความเชื่อว่า “เมื่ออยู่ในบริษัท ธุรกิจต้องรอด เมื่ออยู่ในบ้าน ครอบครัวต้องรอด” หมายความว่า เมื่อทำงานอยู่บริษัท อย่าเอาคำว่าครอบครัวมาทำให้การทำงานและการตัดสินใจผิดพลาด แต่เมื่อกลับไปที่บ้าน อย่าแบกงานกลับไป และให้มองทุกคนเป็นคนในครอบครัว เป็นพ่อแม่พี่น้องกัน ทำให้สามารถรักษาความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวและความสำเร็จของธุรกิจให้ก้าวไปพร้อมกันได้อย่างยั่งยืน
เรื่องราวของยาดมตราโป๊ยเซียน จึงไม่ใช่แค่เรื่องของธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของคน เรื่องของความฝัน และเรื่องของการสืบทอดเจตนารมณ์จากรุ่นสู่รุ่น ผ่านกลิ่นหอมของสมุนไพรไทยที่แฝงไปด้วยความรักในวัฒนธรรม คุณภาพ และผู้คน ในวันที่การแข่งขันสูงและสภาพตลาดเปลี่ยนไป ความมั่นคงอาจไม่ได้อยู่ที่การเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่คือการเติบโตอย่างมีคุณค่า เป็นที่พึ่งพา และสร้างรอยยิ้มได้ในทุกลมหายใจของผู้ใช้ทั่วโลก
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– https://www.poysian.co.th/th/
– https://www.youtube.com/watch?v=V3Plv37pP_0
– https://www.thairath.co.th/money/business_marketing/marketing_trends/2709016