เจาะลึกแนวคิดผู้ก่อตั้ง Aura Bangkok Clinic พาธุรกิจโต 1,000 ล้าน

เรากำลังสร้างธุรกิจให้โต…หรือแค่ทำให้มันอยู่รอดไปวัน ๆ?

ในวันที่ธุรกิจความงามแข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่คุณเฟม-เจตบดินทร์ ประคุณศึกษาพันธ์ กลับทำให้ “Aura Bangkok Clinic” สามารถสร้างรายได้เติบโตต่อเนื่องทุกปี พร้อมกับสร้างแบรนด์ใหม่ “SOLAURA” ที่ทำรายได้ทะลุ 100 ล้านบาทภายในปีเดียว จุดเปลี่ยนของทั้งหมด ไม่ใช่แค่เงิน ไม่ใช่แค่โชค แต่ต้องอาศัย “Mindset” ของผู้ก่อตั้ง

คุณเฟมเชื่อว่า สิ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการรายได้หลักล้าน กลายเป็นผู้ประกอบการรายได้ระดับพันล้าน ไม่ใช่แค่ความขยันหรือโชค แต่เป็น “วิธีคิด” ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือแนวคิดแบบ “คนจน” แม้ในวันที่มีเงินมาก ก็ต้องบริหารธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า เมื่อสิ่งเหล่านี้ถูกปลูกฝังไปอยู่ในตัวพนักงานทุกคน ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของบริษัท ก็จะถูกใช้อย่างคุ้มค่า

ก่อนจะไปไกลถึงการวางกลยุทธ์ระดับองค์กร ในตอนเริ่มต้นต้องทำสินค้าและบริการให้ดีจนลูกค้าอยากกลับมาอีก โดยไม่ต้องใช้โฆษณามากมาย เหมือนตอนเริ่มต้น Aura Bangkok Clinic คุณเฟมก็ไม่ได้มองยอดขายเป็นหลัก แต่มองว่าลูกค้ารายแรก ๆ ประทับใจมากน้อยแค่ไหน ด้วยแนวความคิด มาตรฐานที่ดี บริการที่ดี และลูกค้าทุกคนต้องได้รับการบริการอย่างเท่าเทียม ผ่าน “One Price Policy”

Aura Bangkok Clinic จึงไม่ได้เติบโตแค่จากการเปิดสาขา แต่เติบโตจากการสั่งสม “ประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า” แบบที่เรียกได้ว่า “Every Little Things Matter” เช่น ที่หน้าสาขาจะมีพนักงานที่ดูแลความเรียบร้อยของลูกค้าก่อนที่จะเดินออกจากร้านเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจ รวมไปถึงการออกแบบคลินิกที่ให้พนักงานและคุณหมอทุกคนทำงานได้อย่างสะดวก และลดการใช้แรงกายโดยไม่เกิดประโยชน์ เพื่อให้ทุกคนมีพลังไว้ดูแลคนไข้และลูกค้าได้อย่างเต็มที่

เมื่อธุรกิจเริ่มนิ่ง รายได้เริ่มแตะระดับร้อยล้าน คุณเฟมเริ่มเปลี่ยนบทบาทจากคนทำงาน มาเป็นคนวางระบบ โดยเริ่มจากการหาผู้จัดการแต่ละแผนก (Manager) มารับช่วงต่อ ส่วนตัวคุณเฟมจะโฟกัสกับ Strategy ระยะยาว ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากระดับ SME สู่การบริหารแบบ Company และจะต้องกลายเป็น Corparate ในวันที่รายได้แตะระดับพันล้าน ด้วยระบบที่ชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้ และสามารถถ่ายทอดความรู้ผ่าน SOP ได้อย่างต่อเนื่อง

เมื่อบริษัทหรือแบรนด์ เดินทางมาถึงระดับ Corporate สิ่งที่คุณเฟมจะทำต่อไปคือ กลับไปที่จุดเริ่มต้น นั่นคือการ “เปิดแบรนด์/ธุรกิจใหม่” โดยวิธีการ “ดึง Star ในองค์กร” มาเป็น Co-Founder ของธุรกิจใหม่ โดยให้สิทธิในการตัดสินใจอย่างเต็มที่ พร้อมเงินลงทุนจาก Aura ทั้งหมด และคำปรึกษาจากคุณเฟม โดยคนที่เป็น “Strar” สำหรับคุณเฟม ต้องเป็นคนที่ “High Standard” และ “กัดไม่ปล่อย”

ในส่วนของวัฒนธรรมองค์กร คุณเฟมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดโอกาสให้คนเก่งได้เติบโต โดยไม่ยึดติดกับอายุหรือเวลาที่อยู่กับบริษัท ถ้าสามารถพิสูจน์ตัวเองได้เก่งจริงหรือสู้งานจริง ก็มีโอกาสก้าวหน้าแซงคนอื่น มาเป็นหัวหน้าทีม หรือแม้แต่ Co-Founder ได้ แนวคิดนี้ช่วยดึงดูดและรักษาคนที่มีความสามารถให้อยู่กับองค์กรได้อย่างยาวนาน เพราะพวกเขาเห็นโอกาสในการเติบโต

โดยคุณเฟมมองว่า “หัวหน้าที่ดี” ประกอบด้วย “ทำให้ลูกน้องรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัว” และ “พาลูกน้องไปถึงเป้าหมายในชีวิต” เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือสร้างความมั่นคงทางการเงิน ดังนั้นการเป็นหัวหน้า บางครั้งอาจจะรู้สึกถึงการ “แบกความฝันของคนอื่นไว้บนบ่า” แต่สิ่งนี้ทำให้พนักงานรู้สึกว่า พวกเขาไม่ได้ทำงานแค่เพื่อเงินเดือน แต่ทำงานเพื่ออนาคตของตัวเอง

คำว่า “Success” สำหรับคุณเฟม [1] ในรูปแบบ Personal Success คือทำตามสิ่งที่ฝันไว้ในวันที่เริ่มต้น ซึ่งทำได้ตามนั้นหมดแล้ว [2] ในรูปแบบ Corporate Success คือการที่เห็นพนักงานได้ทำตามความฝันของเขาจนสำเร็จ เช่น พนักงานทำงานมา 3-5 ปี เขาสามารถมีบ้านหรือรถเป็นของตัวเองได้แล้ว มันเป็นความสุขของ CEO ที่ได้ช่วยให้เขาในฐานะพนักงานประสบความสำเร็จ

แต่เบื้องหลังความสำเร็จที่แท้จริงของคุณเฟม คือการได้ทำตาม Passion ที่มีติดตัวมาตั้งแต่เด็ก นั่นก็คือ “การได้ช่วยเหลือคนอื่น” ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในองค์กร หรือลุงป้าที่ขายขนมจีนที่คุณเฟมไปบ่อย ๆ สมัยที่ทำงานอยู่ที่หัวหิน ซึ่งปัจจุบันร้านกำลังประสบปัญหาขาดทุนและมีหนี้สิน จนคิดจะเลิกกิจการ แต่คุณเฟมก็ให้โอกาสมาทำงานเป็นพ่อครัวและแม่ครัว เป็นการให้โอกาสที่มากกว่าการให้เงิน นั่นคือการให้อาชีพ จนสามารถยืดหยัดได้ด้วยตัวเอง

ดังนั้น สิ่งที่ทำให้คุณเฟม และ Aura Bangkok Clinic ประสบความสำเร็จ คือการเริ่มจาก “คุณค่าที่แท้จริง” ของสินค้าและบริการ สะสมประสบการณ์เล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ให้กับลูกค้า สร้างพนักงานที่ดี จนกลายเป็นผู้นำ และไม่ลืมว่า ไม่ว่าจะมีเงินเท่าไหร่ จงคิดแบบคนที่มีเงินน้อย ใช้ทรัพยากรทุกอย่างให้คุ้ม สุดท้าย แม้ในวันที่ลำบากหรือยาก ต้องไม่ท้อ เพราะความสำเร็จที่แท้จริง มักจะเกิดจากเส้นทางที่ “ไม่ง่าย” เพราะถ้ามันง่าย ใคร ๆ ก็ทำแบบเราได้

เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– https://youtu.be/n1BuzImG6T0?si=Xx5FbNuzvdlVxKfM