ปี 2025 ตลาดรถยนต์ไทย ไม่เหมือนเดิม

ย้อนกลับไปประมาณ 40 ปีที่แล้ว เป็นการเกิดขึ้นของ Motor Expo ครั้งแรก ซึ่งหากมองระดับโลก การจัดงานแบบนี้ จัดมายาวนานแล้ว และเป็นงานโชว์รถยนต์ ไม่ใช่การขายรถยนต์ แต่สำหรับคุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ เห็นว่า คนไทยมีพฤติกรรม เมื่อเห็นสินค้าแล้วต้องการซื้อก็ต้องซื้อให้ได้ จึงปรับแผนของงาน ไม่ใช่เพียงแค่โชว์รถยนต์ แต่เป็นตลาดขายรถยนต์ด้วย
ในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2527 เป็นครั้งแรกของงานมหกรรมยานยนต์ โดยจัดงานอยู่บริเวณ อโศกแฟร์กราวน์ด หรือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 9 ในปัจจุบัน โดยในปีแรกที่จัด ได้บทเรียนที่สำคัญ คือ ไม่ได้คำนึงถึงบริเวณที่จอดรถของผู้ที่มางาน ทำให้ต้องจอดรถข้างทาง ส่งผลกระทบทำให้รถติดเป็นจำนวนมาก ทำให้การจัดงานในปีถัดไป ต้องย้ายสถานที่จัดงาน ไปที่มาบุญครอง
และเป็นระยะ 20 กว่าปี ที่ได้สถานที่จัดงานที่ครบวงจรและตอบโจทย์ของผู้ที่มาร่วมงาน ซึ่งมีสถานที่จอดรถเพียงพอ นั่นคือที่ Impact เมืองทองธานี โดยสถานที่จัดงานในปัจจุบันคือ อาคาร IMPACT Challenger 1-3 ที่มีพื้นที่จัดงานกว่า 80,000 ตารางเมตร
สิ่งที่ทำให้งาน Motor Expo ยืนยาวมากว่า 4 ทศวรรษ ส่วนหนึ่งมาจากการปรับเปลี่ยนตัวเองตลอดเวลาของคุณขวัญชัย ซึ่งสิ่งนี้ได้มาจากการผสมผสานระหว่างความเป็นนักดนตรีและวัฒนธรรมของคนเยอรมัน ในช่วงที่คุณขวัญชัยได้ไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมนี ทำให้เมื่อเห็นว่าสิ่งใดทำแล้วดี ก็ปักหลักไปที่จุดนั้น แต่ถ้าทำแล้วมีจุดบกพร่อง ก็รีบปรับปรุงแก้ไข ถ้าไม่ไหว ก็เปลี่ยนแนวทาง
นอกจากนี้ยังมาจากวิสัยทัศน์ของคุณขวัญชัย ที่มีต่อปัญหา เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา จะหาวิธีการและขั้นตอนในการแก้ไขปัญหา แล้วนำไปเสนอในที่ประชุม เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากคนอื่น และจะได้มาซึ่งวิธีการที่ดีที่สุดที่จะนำไปแก้ไขปัญหา ทำให้ทุกคนเห็นว่าแนวคิดของแต่ละคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา
ในการจัดงาน Motor Expo ของไทยในปัจจุบัน มีทิศทางสวนทางกับต่างประเทศ โดยในต่างประเทศการจัดงานแบบนี้ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากลูกค้าสามารถเลือกดูได้จากแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ แต่ของประเทศไทย ผู้บริโภคกลับให้ความสนใจงานนี้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีแบรนด์รถยนต์ต่าง ๆ ที่มาร่วมงานให้ดูหลากหลายและมากขึ้นทุกปี
และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนสนใจมาเดินงานมากขึ้น ก็คือเปลี่ยนจาก Pretty เป็น Presenter ทำให้คนมาเดินงาน มากันเป็นครอบครัวมากขึ้น และเป้าหมายของการนำเสนออยู่ที่การขายฟังก์ชันของรถ ผลที่ตามมาคือจำนวนยอดขายรถที่เพิ่มขึ้นเกือบ 5 หมื่นคัน ตลอดระยะเวลาการจัดงาน 10 กว่าวัน
และงาน Motor Expo ยังเป็นส่วนสำคัญต่อตลาดรถยนต์ของไทย เนื่องจากพฤติกรรมของคนไทย ก่อนจะเลือกซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง ต้องได้เห็นสินค้าจริงก่อน ได้ทดลองฟังก์ชันต่างๆ และชอบเปรียบเทียบความคุ้มค่า ซึ่งภายในงาน ก็มีแบรนด์รถยนต์ที่หลากหลาย ให้สามารถได้ทดลองและเปรียบเทียบได้ ก่อนการตัดสินใจ
โดยในมุมมองของผู้ที่จัดงานมหกรรมยานยนต์มากกว่า 4 ทศวรรษ มองตลาดรถยนต์ว่า หากย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตลาดรถยนต์สันดาปได้เปลี่ยนไป จากการที่มี รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามา ซึ่งประเทศจีนเป็นประเทศแรกที่นำเข้ามาขายในประเทศไทย โดยในขณะนั้น ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อรถเป็นคันที่ 2 เพื่อทดลองว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถทดแทนรถยนต์สันดาปได้หรือไม่ ในระยะทางที่เหมาะสม เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายจากการเติมน้ำมัน
ข้อมูลจากงาน Motor Expo 2022 พบว่า รถยนต์ไฟฟ้า มีอัตราส่วนการขายคิดเป็น 12% ของจำนวนรถทั้งหมด และในปี 2023 เพิ่มขึ้นเป็น 48% แสดงให้เห็นถึงความสนใจรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2024 พบว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าต่ำลง ซึ่งเป็นผลกระทบจากหนี้เสียของการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อยากมากขึ้น และอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าต่ำลง คือ สงครามราคาของรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจ
ในปัจจุบัน แม้ความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้น และตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถคันแรกมากขึ้น แต่เมื่อมีรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น ผลที่ตามมา คือปัญหาจุดชาร์จที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งทำให้ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าชะลอตัวลง ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่อาศัยอยู่คอนโด ที่มีห้องพักหลายห้อง แต่มีจุดชาร์จไฟฟ้าเพียงไม่กี่จุด ทำให้ไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ก็ทำให้ผู้บริโภคต้องตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์สันดาป
แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความสนใจ และมีการใช้เป็นจำนวนมาก แต่หากมองไปที่ความยั่งยืน สำหรับประเทศไทย ยังไม่ใช่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง เป็นเพียงแค่รถยนต์พลังงานทางเลือก ซึ่งยังมีอีกหลายทางเลือกที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น พลังงานไฮโดรเจน และสาเหตุที่ยังไม่ใช่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง เพราะต้นทางของพลังงานไฟฟ้า ยังมาจากการเผาถ่านหิน ที่ยังส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม
สุดท้ายคุณขวัญชัยให้ความเห็นว่า แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยม แต่รถยนต์สันดาปก็จะยังคงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภคไปอีกยาวนาน และในแง่ของความยั่งยืนจากการใช้รถไฟฟ้า ต้นทางของกระแสไฟฟ้าควรมาจากพลังงานที่สะอาดอย่างแท้จริง เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น
“หนึ่งในทักษะที่สำคัญของผู้นำ คือ ทักษะการฟัง เพราะหากผู้นำไม่รับฟัง ผู้นำก็จะมีเพียงแค่แนวคิดของตัวเองเท่านั้น” (ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์: ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์)
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– https://www.youtube.com/watch?v=V8E5O1w6wkw&t=207s – https://www.forbesthailand.com/