ฝ่าวิกฤตแบบซีพี: บทเรียนธุรกิจที่ไม่มีวันล้ม

Future Crisis เป็นคู่มือบริหารจัดการธุรกิจ ของภาคธุรกิจไทย ที่ฝ่าวิกฤตสำคัญของเศรษฐกิจไทยและโลก ผ่านประสบการณ์ตรงระดับถึงเลือดเนื้อและชีวิต และบทเรียนที่ได้จากบริษัทที่ผ่านเรื่องราวมานับร้อยปี คือ บทเรียนสร้าง “อนาคต” จาก “วิกฤต” โดยคุณธนินท์ และคุณศุภชัย เจียรวนนท์
1. ธุรกิจไม่มีความเสี่ยง “เป็นไปไม่ได้” แต่อย่าเสี่ยงในสิ่งที่จะทำให้บริษัทล้มละลาย แม้คิดว่าจะทำให้กำไรดีแค่ไหน แต่มีความเสี่ยงสูง ก็อย่าไปเสี่ยง
2. ในช่วงวิกฤต วิสัยทัศน์และการตัดสินใจของผู้นำองค์กรเป็นส่วนสำคัญ ผู้นำต้องรู้ว่า หากจะต้องตัดส่วนใดทิ้งไป ก็ต้องเป็นการตัดส่วนที่เป็นเนื้อร้าย เพื่อรักษาร่างกายส่วนใหญ่ไว้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย ทุกการตัดสินใจมีโอกาสผิดพลาดได้ ดังนั้น ผู้นำจึงต้องมีแผนต่อไปในการเตรียมพร้อมรับมือ
3. การที่สามารถพาบริษัทผ่านวิกฤตครั้งใหญ่ในปี 2540 มาได้ ทำให้เกิดความชะล่าใจ ว่าจะสามารถผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปได้สบาย ๆ และคิดว่าจะเกิดวิกฤตเพียงปีเดียว ก็จะกลับมาได้ แต่แท้จริงแล้ว ต้องเผชิญกับวิกฤตมากกว่านั้น และหลังจากเปิดประเทศ ก็คิดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ง่าย ก็คิดผิดอีกครั้ง เพราะแม้อย่างอื่นจะพร้อม แต่คนไม่พร้อม ก็ทำให้ไม่สามารถฟื้นตัวได้ตามที่คาดหวัง ดังนั้น “อย่าเหลิง” และ “อย่าท้อ”
4. เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไป จะยืนอยู่ที่เดิมก็เป็นไม่ได้ ก็ต้องไปลงทุนในสิ่งใหม่ ๆ แต่การลงทุนก็ตามมาด้วยความเสี่ยง แต่ห้ามเสี่ยงจนต้องสูญเสียฐานสำคัญของธุรกิจ
5. การที่ไปตีตลาดต่างประเทศว่ายากแล้ว แต่การส่งสินค้าไปอวกาศนั่นยากกว่า ซึ่งวันนี้ทำได้สำเร็จแล้ว แสดงว่า ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ แต่การจะทำยิ่งที่ยิ่งใหญ่ ก็ต้องมีการวางแผน มีการวางรากฐานมาตั้งแต่ในอดีต คิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ลองผิดลองถูกจนได้วิธีการที่ดีที่สุด เช่น “ไก่” ที่ได้รับรองมาตรฐาน ที่สามารถส่งไปให้นักบินอวกาศกินได้ ต้องเป็นไก่ที่ดีที่สุด
6. เมื่อองค์กรยังไม่โตมาก ผู้นำก็ควรไปลงลุยหน้างานให้มากที่สุด เพื่อจะได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่าง ๆ เป็นอย่างไร เมื่อองค์กรค่อย ๆ เติบโตขึ้น ผู้นำก็ต้องเริ่มโฟกัสสิ่งที่ต้องทำ และสิ่งที่จะปล่อยให้คนอื่นทำแทนได้ และเมื่อองค์กรเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ผู้นำไม่สามารถโฟกัสกับทุกสิ่งได้ แต่รู้ว่าแต่ละสิ่งมีที่ไปที่มาอย่างไร ก็ถึงเวลาที่ผู้นำจะต้องหาคนเก่ง มาทำงานและตัดสินใจแทน ในส่วนต่าง ๆ และสนับสนุนการทำงานของคนเก่งเหล่านั้น
7. “ปริญญา” กับ “ปัญญา” ไม่เหมือนกัน ปริญญาคนที่เรียนเก่ง ก็เรียนไปจนถึง ดอกเตอร์ ได้ แต่ไม่ได้การันตีว่า เรียนจบมา เมื่อลงสู่สนามจริง จะสู้กับคนที่ไม่ได้จบอะไรมา แต่ทุ่มเทเวลากับสิ่งนั้นมาก ๆ จนรู้อย่างลึกซึ้งและแท้จริง ซึ่งสิ่งนั้นเรียกว่า ปัญญา
8. แม้ในปัจจุบันจะมีหุ่นยนต์, IoT (Internet of Things) หรือ AI เข้ามาทำงานแทนมนุษย์ในหลาย ๆ ส่วน แต่สุดท้ายสิ่งเหล่านี้ ก็ยังต้องพึ่งพาความเป็นมนุษย์ มนุษย์ยังต้องเป็นคนตัดสินใจ ดังนั้น คนรุ่นใหม่ ก็ต้องรู้ว่า งานที่จะไปทำ จะถูกแทนที่ได้หรือไม่ ถ้าถูกแทนที่ได้ ก็ต้องรีบปรับตัว
9. ในปัจจุบัน ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญมาก ใครมีข้อมูลและติดตามข้อมูลมาก ก็มีโอกาสก้าวหน้าและเติบโตไปก่อนคนอื่น เพราะทุกวันนี้ ข้อมูลทั่ว ๆ ไป ใครก็หาได้ แต่ถ้าบริษัท มีข้อมูลเชิงลึกมากกว่า ก็ย่อมได้เปรียบ และในอนาคต คนจะหันมาทำธุรกิจเป็นของตัวเอง เจ้าของบริษัทจะมากขึ้น พนักงานจะน้อยลง
10. ต่อให้ธุรกิจจะเติบโตมากแค่ไหน หรือเป็นธุรกิจอันดับ 1 ของประเทศก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือ “คน” คนเป็นคนคิด คนเป็นคนสร้าง คนเป็นคนประกอบ คนเป็นคนนำไปใช้ ดังนั้น บริษัทยังต้องให้ความสำคัญกับการสร้างคน แต่ต้องสร้างให้คนที่เก่งเข้ากับยุคสมัยได้
11. ต้องยอมรับว่า CP Group เป็นบริษัทครอบครัว แต่เป็นครอบครัวขนาดใหญ่ ที่ค้าขายด้วยกันมากกว่า 100 ประเทศ ไปลงทุนอยู่ในต่างประเทศมากกว่า 20 ประเทศ ดังนั้น ไม่ใช่แค่ครอบครัว “เจียรวนนท์” แต่คนเก่ง ๆ ที่มาทำงานร่วมกับ CP ได้ ก็ถือเป็นคนในครอบครัวเช่นเดียวกัน
12. ค่านิยมหลักที่ทำให้ CP เติบโตมาได้ทุกวันนี้ คือ
– ทำธุรกิจในประเทศใด ประชาชนในประเทศนั้นต้องได้ประโยชน์ และบริษัทได้ประโยชน์
– ต้องมีนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ
– ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง โลกเปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยน เพราะถ้าไม่เปลี่ยน โลกจะทิ้งเราไว้ข้างหลัง
– ต้องเร็ว แต่ต้องมีคุณภาพ
– ต้องทำเรื่องยาก ให้กลายเป็นเรื่องง่าย ไม่มีเรื่องใดที่เป็นไปไม่ได้
– (ข้อสำคัญ) ต้องมีความกตัญญู ซื่อสัตย์ เพราะถ้าไม่มีสิ่งนี้ จะเกิดความเชื่อใจซึ่งกันและกันได้ยังไง
13. ในวิกฤต อาจจะพบแนวทางหลายแนวทาง สิ่งสำคัญคือต้องทบทวนและจัดลำดับความสำคัญ และในแต่ละแนวทาง จะมีคนคอยทดสอบแนวทางนั้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้น หรือเจ้าหนี้ทั้งสถาบันทางการเงินและเจ้าหนี้ทางการค้า เพื่อดูว่าแนวทางนั้นเป็นไปได้มากแค่ไหน เพื่อหาแนวทางที่เป็นไปได้มากที่สุด
14. สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งในช่วงวิกฤต คือ “ผู้นำ” ว่ามีความศรัทธาและความมุ่งมั่นต่อธุรกิจมากแค่ไหน ต่อให้มีแผนหรือแนวทางที่ดี แต่ใจยอมแพ้ไปแล้ว นักลงทุน ผู้ถือหุ้น หรือคนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ก็หมดความเชื่อมั่น
15. ในการฝ่าวิกฤต ไม่ใช่คิดแค่เพื่อธุรกิจอยู่รอด แต่ต้องคิดว่าส่วนรวมจะได้ประโยชน์อะไรด้วย หากคิดเพื่อส่วนรวมและสาธารณประโยชน์ จะทำให้เห็นทางออกที่ดีที่สุดเสมอ
16. ธรรมนูญครอบครัวเจียรวนนท์ สำหรับลูกหลานที่ต้องมาเข้ามาทำงานในเครือ ต้องไม่เข้ามาเพียงแค่สานต่อธุรกิจเดิม แต่ต้องเข้ามาทำธุรกิจใหม่ ๆ เพราะต่อให้เก่งและทุ่มเทแค่ไหน เมื่อไม่มีผลงาน คนในองค์กรก็ไม่เชื่อใจ
17. การพิสูจน์คน ก็ลองให้เขาได้ลงมือทำในเรื่องยาก ๆ แล้วดูว่าเขาปรับตัวอย่างไรและสามารถทำผลงานออกมาได้ดีมากน้อยแค่ไหน เพราะการปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง
18. สุดท้ายสิ่งที่ฝากถึงคนรุ่นใหม่คือ “ล้ม เรียนรู้ และลุกขึ้นใหม่ ด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้”
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source