Nara Thai Cuisine: แบรนด์ร้านอาหารไทยให้ดังไกลถึงต่างประเทศ

0
NARA Thai Cuisine Thai restaurant business Franchise expansion International food brand Restaurant marketing strategy Business success story ร้านอาหารไทย แฟรนไชส์อาหารไทย ขยายธุรกิจต่างประเทศ กลยุทธ์การตลาดร้านอาหาร ความสำเร็จธุรกิจอาหาร


เรื่องราวของนักธุรกิจหญิง ที่สามารถทำร้านอาหารไทย แบบไทยแท้ ขยายสาขาไปต่างประเทศ มากกว่า 30 สาขา ใน 7 ประเทศ แต่เธอไม่มีความใกล้ชิดใด ๆ กับคำว่าอาหาร ที่บ้านไม่มีธุรกิจส่วนตัว และตัวเธอเองก็ไม่ได้เรียนจบสายตรงมาทางด้านนี้


หลังจากเรียนจบด้านการละคร แต่ด้วยที่บ้านทำงานอยู่ที่ธนาคาร ทำให้เธอเริ่มงานที่แรก ที่ธนาคารกรุงเทพ ในฝ่ายพัฒนาธุรกิจ หลังจากนั้น เธอตัดสินใจย้ายงาน ไปทำงานที่โรงแรม Shangri-La ในฝ่ายขายและการตลาด ซึ่งโรงแรมที่เธอทำงานเป็นโรงแรมระดับ 5-6 ดาว ทำให้ได้ประสบการณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการบริการ


หลังจากทำงานที่โรงแรมได้ประมาณ 2 ปี ก็ตัดสินใจย้ายงานอีกครั้ง โดยย้ายไปทำงานที่ Leo Burnett ซึ่งเป็นบริษัททำโฆษณา ทำให้ได้ประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับการทำแบรนด์ หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ตัดสินใจนำความรู้ที่ได้จากการทำงานที่โรงแรมและบริษัทโฆษณา ไปทำแบรนด์ของตัวเอง


แบรนด์แรกของเธอ คือ “Pendulum” เป็นหนึ่งในผู้แทนจำหน่ายนาฬิกาหรูที่มีชื่อเสียง และได้รับพนักงานคนหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่เป็น Brand Manager ซึ่งต่อมาทั้งสองคนก็เป็นผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ร้านอาหาร ที่มีชื่อว่า “นารา” ที่ก่อตั้งโดย คุณยูกิ-นราวดี ศรีกาญจนา และ คุณยีน-สิริโสภา จุลเสวก 


หลังจากที่คุณยูกิ เกษียณจากการทำงานที่ Pendulum แต่ไฟในการทำธุรกิจยังคงมีอยู่ จึงปรึกษากับคุณยีน ว่าหลังจากนี้จะทำอะไรต่อดี และด้วยความบังเอิญที่ในช่วงเวลานั้น โรงแรมไฮแอทเอราวัณ ทำการรื้อบริเวณที่จอดรถ เพื่อทำศูนย์การค้า ทั้งสองคนจึงตัดสินใจว่าจะทำร้านอาหารไทยในศูนย์การค้า เนื่องจากบริเวณนั้นมีร้านอาหารไทยอยู่น้อยมาก


โดยตั้งใจให้ นารา เป็นร้านอาหารไทย ที่มีคอนเซปต์เป็น Traditional Thai Foods ตั้งแต่ Interior เมนูอาหาร ไปจนถึงการบริการให้มีความเป็นไทยมากที่สุด ซึ่งในช่วงที่เปิดร้านอาหาร เป็นช่วงที่คนจีนมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น เมื่อผ่านมาแถวแยกราชประสงค์ ก็แวะมาทานอาหารที่ร้านอยู่เรื่อย ๆ ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของร้าน ทำให้คนที่มาทานอาหารที่ร้าน ก็นำไปบอกต่อ


เมื่อได้รับการตอบรับที่ดี จึงเริ่มขยายสาขา โดยสาขาที่สองอยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และขยายสาขา เข้าไปอยู่ในห้างชั้นนำของประเทศเกือบทุกห้าง เมื่อประสบความสำเร็จในการขยายสาขาในประเทศไทย ก็ไม่ปิดกั้นโอกาสที่จะขยายสาขาไปต่างประเทศ แต่ยังคงความเป็นไทย


ซึ่งเอกลักษณ์ของอาหารไทย หากจะให้อร่อยต้องทำสด จึงต้องหาเชฟเข้ามาเพิ่ม แต่เชฟที่เข้ามาใหม่ ไม่ว่าจะมาจากที่ใด ต้องเข้ามาเรียนรสชาติให้เป็นเอกลักษณ์ของ นารา ภายใต้สโลแกน “ครัวไทยสู่ครัวนอก” และได้มีการเปิดขายแฟรนไชส์ เนื่องจากลูกค้าให้ความสนใจที่จะนำไปเปิดที่ต่างประเทศ


แต่ในการขายแฟรนไชส์ไปต่างประเทศ ก็ต้องยอมรับว่า แต่ละประเทศ มีความแตกต่างด้านมิติของรสชาติ ก็จำเป็นจะต้องมีการปรับสูตรให้เข้ากับแต่ละประเทศ แต่สูตรทั้งหมด ต้องมาจาก นารา ซึ่งมีทั้งหมด 200 สูตรที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ สามารถเลือกได้ว่าจะเอาเมนูใดไปขาย เพื่อให้ตอบโจทย์คนในประเทศ รวมไปถึง หากเชฟต้องการสร้างสรรค์รสชาติ ก็สามารถนำมาให้ทาง นารา ช่วยพิจารณาได้


แต่การทำแฟรนไชส์ต่างประเทศ ไม่ใช่แค่คุยกับคนที่สนใจเอาแบรนด์เราไป แต่กว่าจะตกลงกันได้จริง ๆ ต้องใช้ระยะเวลาเป็นปี เพราะการที่ใครจะเอาแบรนด์เราไป ก็ต้องรู้จักแก่นของแบรนด์ให้ดี และเราต้องหนักแน่นในฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์ของแบรนด์เราไว้ โดยที่ผ่านมา นารา ก็มีแต่พันธมิตรที่ดี ที่ซื้อแฟรนไชส์ไป


แม้จะสร้างมาตรฐานร้านที่ดี แต่ก็หนีไม่พ้นที่จะมีลูกค้าที่ไม่พอใจในสินค้าและบริการ ซึ่งจุดนี้คือจุดสำคัญที่จะรักษาฐานลูกค้าไว้ให้ได้ หากมีการร้องเรียน ก็ต้องไม่เพิกเฉยต่อสิ่งนี้ สำหรับ นารา หากมีจดหมายร้องเรียนเข้ามา ในฐานะ CEO ก็จะตอบจดหมายด้วยตัวเองทุกฉบับ เพราะต้องการให้คนที่ร้องเรียนเข้ามา รู้สึกว่าเขาได้รับความสำคัญ


ในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 นักท่องเที่ยวไม่สามารถมาที่ประเทศไทยได้ ทำให้ นารา ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักคือนักท่องเที่ยว จึงต้องหาวิธีการมา balance ธุรกิจ โดยการเปิด segment ใหม่ ๆ และซื้อกิจการเพิ่มเข้ามา ที่จะจับกลุ่มตลาดท้องถิ่นและกลุ่มอื่น ๆ มากขึ้น จึงเป็นที่มาของแบรนด์ต่าง ๆ ภายใต้การบริหารของ นารา กรุ๊ป


ปัจจุบัน ภายใต้ “นารา กรุ๊ป” มีทั้งหมด 10 แบรนด์ ได้แก่ นารา อภินารา เลดี้นารา อิงคะ โคลิมิเต็ด อั้งม้อ บ้านนอกเข้ากรุง มาดามแม่ El Mercado และแอนคั่วไก่ โดยมีสาขาในประเทศไทย 27 สาขา และในต่างประเทศ 32 สาขา ประกอบไปด้วย พม่า ศรีลังกา ไต้หวัน ฮ่องกง มุมไบ ฟิลิปปินส์ และล่าสุดคือ ดูไบ โดยในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้ถึง 2.3 พันล้านบาท


สุดท้าย คุณยูกิ ฝากถึงคนที่ทำร้านอาหารว่า การที่ธุรกิจจะโตไปต่อได้ จะต้องมีการปรับตัวและวิวัฒนาการตลอดเวลา แต่ยังคงความมีคุณภาพ และการทำธุรกิจร้านอาหาร ไม่มีวันหยุด ความอดทนและแก้ปัญหา คือหัวใจของคนทำร้านอาหาร


“ความมุ่งมั่นและรักในงาน จะนำไปสู่ความสำเร็จ”
-นราวดี ศรีกาญจนา-


เรียบเรียงโดย: THE INSIDER 
Source
https://youtu.be/EkODZcNEtKE?si=FkBWjfCKxTU6da59 
https://youtu.be/7H1OWGeX_r8?si=YdRpwLVrJMYTn34a

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *