ชานมไข่มุก “Good me” จากร้านเล็ก ๆ สู่ IPO มูลค่าพันล้าน
ย้อนกลับไปในปี 2010 หลังจากเขาเรียนจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมวัสดุ เขาตัดสินใจที่จะเปิดร้าน “Good me” แม้ภายในเมืองมีจะประชากรเพียงแค่ 200,000 คน และมีครอบครัวทำธุรกิจค้าปลีกเล็ก ๆ อยู่แถบชายแดนเมียนมา(พม่า)
แม้ในช่วงแรกของการเปิดร้าน แม้จะมีลูกค้าค่อนข้างน้อย แต่ด้วยความใส่ใจในคุณภาพและรสชาติ ภายใต้ราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เนื่องจากอยู่ในเมืองขนาดเล็ก ทำให้ค่อย ๆ มีจำนวนลูกค้าเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ได้รับความนิยมและขยายสาขาออกไป เริ่มจากภายในเมืองที่เขาอาศัยอยู่ก่อน เมื่อสามารถสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งได้ จึงขยายออกไปตามเมืองต่าง ๆ
กลยุทธ์ในการขยายสาขาของเขา จะไปต่างเมืองขนาดเล็ก ที่ยังมีร้านชานมไม่แพร่หลาย ทำให้สามารถคว้าส่วนแบ่งการตลาดที่สำคัญในพื้นที่เหล่านั้นได้ รวมไปถึงการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคและแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนไป ทำให้แบรนด์ของเขาสามารถแข่งขันในตลาดนี้ได้ จนสามารถมียอดขายและจำนวนสาขา เป็นอันดับ 2 รองจาก Mixue
ในช่วงสิ้นปี 2013 แบรนด์ของเขา มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 9.1% เป็นอันดับ 5 ในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ และในเดือนกันยายนปีที่แล้ว แบรนด์ของเขาก็มีสาขาอยู่ใน 17 มณฑลทั่วประเทศจีน ซึ่งเรื่องราวที่ผ่านมา เป็นเรื่องราวของชายที่ชื่อว่า Yun’an Wang
ในมุมของตลาดชานมไข่มุกของจีน มีการเติบโตขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในปี 2025 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ในขณะที่ประเทศไทย มีมูลค่าตลาดชานมไข่มุกอยู่ที่ประมาณ 760 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แม้ในช่วงเวลานี้นักลงทุนจะระมัดระวังในการลงทุนจากอุตสาหกรรมนี้ เนื่องจากมีการแข่งขันสูง ด้วยสงครามราคา เพื่อดึงดูดลูกค้า
โดยมีตัวอย่างบริษัท Sichuan Baicha Baidao Industrial Co. ซึ่งเป็นบริษัทล่าสุดที่นำเครื่องดื่มนี้ออกขายในฮ่องกงเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาซึ่งในขณะนั้นมีมูลค่าทรัพย์สินรวมประมาณ 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่หลังจากนั้นหุ้นของบริษัทลดลงไปเกือบครึ่งหนึ่ง
[คำถามชวนคิด] หากคุณเป็นคุณ Wang คุณจะทำอย่างไรให้ธุรกิจเติบโตไปข้างหน้า ภายใต้การแข่งขันที่รุนแรง?
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรงในตลาด และมีบริษัทที่เกิดปัญหาเป็นตัวอย่าง ก็ไม่ได้ทำให้ Wang ที่เคยวางแผนจะ IPO เพื่อขยายการเติบโตให้กับบริษัท เปลี่ยนการตัดสินใจ รวมไปถึงคู่แข่งของเขาอย่าง “Mixue Group” ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ก็ได้ฟื้นแผนที่จะ IPO เช่นกัน
ทำให้ Wang และที่ปรึกษาของเขา อย่าง Goldman Sachs Group Inc. และ UBS Group AG วางเดิมพันว่าบริษัท Guming ซึ่งขายชาภายใต้แบรนด์ “Good me” จะดึงดูดนักลงทุนได้ เนื่องจากกลยุทธ์ที่ไม่เหมือนใคร โดยเลือกมุ่งเป้าไปยังเมืองขนาดเล็ก และใช้การเติบโตอย่างรวดเร็ว แทนที่จะพยายามไปทำกำไรในเมืองใหญ่ ๆ แบบแบรนด์อื่น
ในท้ายที่สุด หลังจากการเสนอขายหุ้น IPO ของ Guming Holdings Ltd. ในฮ่องกง ด้วยมูลค่า 233 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มูลค่าหุ้นของ Wang เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (4 หมื่นล้านบาท) ตามดัชนีของ Bloomberg โดยหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 4.6% ก่อนที่จะมีการลดลงมาบางส่วน ทำให้ Wang กลายเป็นเศรษฐีพันล้านอีกหนึ่งคนของจีน จากตลาดชานมไข่มุก
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– https://www.amarintv.com/spotlight/business-marketing/48159
