Beauty Gems: จากร้านขายเพชร สู่อาณาจักรพันล้าน

จากร้านค้าเพชร สู่กลุ่มบริษัท บิวตี้เจมส์ (Beauty Gems) ที่บริหารโดย คุณหนึ่ง-สุริยน ศรีอรทัยกุล ทายาทรุ่นที่ 3 โดยจุดเริ่มต้นของ บิวตี้เจมส์ เริ่มในปี พ.ศ. 2507 แถวเจริญกรุง หน้าร้านเป็นตึกแถว 2 คูหา ซึ่งในขณะนั้นมีคุณพ่อและคุณลุง (คุณพรศักดิ์ และ คุณพรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล) เป็นผู้ดูแล
ช่วงแรกของ บิวตี้เจมส์ ทำธุรกิจโดยการซื้อมาขายไป แต่หลังจากการสั่งสมประสบการณ์มา 9 ปี ของคุณพ่อและคุณลุง ทั้งสองคนจึงตัดสินใจก่อตั้ง โรงงานบิวตี้เจมส์ แฟคตอรี่ เมื่อปี พ.ศ. 2516 โดยส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก ซึ่งยอดส่งออกในปีนั้นรวมกันทั้งประเทศประมาณ 500 ล้าน แต่ปัจจุบันมูลค่าส่งออกอัญมณีแตะหลักแสนล้าน
ในปี พ.ศ. 2537 คุณหนึ่ง ซึ่งมีอายุเพียง 21 ปี ได้เดินเข้าสู่ถนนสายธุรกิจอัญมณี โดยคุณหนึ่งและพี่ชาย ร่วมกันขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ส่งออกไปที่ประเทศญี่ปุ่นมากถึง 90% ปรับไปสู่สหรัฐอเมริกา เอเชีย ตะวันออกกลาง และตลาดภายในประเทศเพิ่มขึ้นให้ถึง 10%
แม้ บิวตี้เจมส์ จะเป็นบริษัทที่ส่งออกมากถึง 90% แต่มีความฝันและวิสัยทัศน์มาตั้งแต่เริ่มเข้ามาบริหาร บิวตี้เจมส์ ว่าต้องการให้อะไรก็ตามที่เป็นของดีที่สุด ต้องถูกครอบครองโดยคนไทย ไม่ว่าจะเป็น พลอยสีที่สวยที่สุด เพชรเม็ดงามที่สุด แต่ในราคาย่อมเยา และอยากให้ประเทศไทยเป็นแหล่งอัญมณีอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้ผู้ที่มาเยือนต้องซื้อกลับไป
ด้วยความโชคดีที่ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตอัญมณี ทำให้ประเทศไทยเป็นแหล่งอัญมณีติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก และทำให้คนไทยสามารถซื้ออัญมณีได้ในราคาถูกเมื่อเทียบกับทั่วโลก และบริษัทในประเทศไทย ถือเป็นประเทศเดียวในโลกที่แนะนำลูกค้าเกี่ยวกับการตีราคาอัญมณี เพราะในต่างประเทศ มูลค่าของอัญมณี ไม่ได้อยู่ที่ราคา แต่อยู่ที่ความสวยงามทางศิลปะและผู้ออกแบบ
ในปัจจุบัน กลุ่มบริษัท บิวตี้เจมส์ ไม่ใช่เพียงบริษัทขายอัญมณีอีกต่อไป แต่ยังมีอีก 3 ธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจสนามกอล์ฟและอสังหาริมทรัพย์, การพัฒนาพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ (community mall) และ ธุรกิจ refinery ทองคำ และจำหน่ายทองคำก้อนแบรนด์ Bangkok Assay Office ซึ่งทั้ง 4 ธุรกิจ สามารถสร้างรายได้ให้กับ กลุ่มบริษัท บิวตี้เจมส์ มากถึงหลักพันล้านบาท
แนวคิดที่ทำให้ กลุ่มบริษัท บิวตี้เจมส์ เดินมาถึงทุกวันนี้ คือ ความเชื่อมั่นในระบบและทรัพยากรบุคคล แม้ว่าสถานการณ์และการพัฒนาธุรกิจจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย บริษัทก็ต้องปรับตัวให้เท่าทันและกลมกลืน รวมไปถึงการส่งมอบสินค้าและบริการที่มีมาตรฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ภายใต้การทำให้พนักงานทุกคนมีความรู้สึกร่วมในการเป็นเจ้าของธุรกิจ
“หลักปฏิบัติของเราคือ พนักงานทุกคนเป็นเจ้านาย เพราะฉะนั้นทุกคนจึงมีความรับผิดชอบที่สูงมาก รับปากอะไรต้องทำให้ได้ตามนั้น ทั้งคุณภาพ มาตรฐาน และการตรงต่อเวลา” -สุริยน ศรีอรทัยกุล-
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– https://www.youtube.com/watch?v=cCgY1FapzpE&t=165s
– https://forbesthailand.com/peoplecover-story/suriyon-sriorathaikul-beauty-gems