KKF: จากร้านโชห่วยสู่ผู้ผลิตแหอวนอันดับ 1 ของโลก

0
ขอนแก่นแหอวน แหอวนคุณภาพสูง Automation Warehouse อุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ธุรกิจขนแปรงสีฟัน Khon Kaen Fishing Net High-quality fishing net Automation Warehouse System Aquaculture Industry Toothbrush Bristle Business


ที่จังหวัดแห่งเสียงแคนดอกคูณ หรือจังหวัดขอนแก่น มีชาวจีนที่เดินทางมาประเทศไทย เริ่มบุกเบิกทำธุรกิจร้านโชห่วยเล็ก ๆ และด้วยความบังเอิญ มีชาวบ้านที่นำแหอวน (แห-อวน) มาขาย แต่โดนร้านอื่นกดราคา จึงได้นำมาฝากที่ร้านขายด้วยความที่เจ้าของร้านใจดี จึงให้เอามาฝากขายได้ แล้วพบว่า แหอวน ทำรายได้ค่อนข้างดี จึงสนใจทำเป็นธุรกิจแบบเต็มตัว โดยเริ่มจากติดต่อตัวแทนจำหน่ายเพื่อนำสินค้าแหอวนมาขาย และเริ่มติดต่อหาโรงงานเพื่อนำเข้าสินค้ามาขายเอง แต่ทำไปได้ระยะเวลาหนึ่ง เห็นโอกาสที่ดี จึงตัดสินใจ นำเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศมาเริ่มผลิตเอง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ บริษัท ขอนแก่นแหอวน จำกัด หรือ KKF ในปี 1977 หรือประมาณ 47 ปีที่แล้ว 


ในช่วงแรกของการเปิดโรงงาน ก็ล้มลุกคลุกคลาน แต่ที่ผ่านมาได้ เพราะผู้นำในยุคนั้นมี Vision ที่ใหญ่มากพอ คือต้องการเป็นที่ 1 ของโลกให้ได้ พอเป็นการตั้งโจทย์ที่สูง ก็ต้องหาทางที่จะต้องไปให้ ซึ่งหนทางนั้นก็คือ การที่ต้องมีสินค้าและบริการที่ดีกว่าคนอื่น และมากกว่านั้นคือกระบวนการผลิตก็ต้องมีประสิทธิภาพ จะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง


และพยายามจับสัญญาณอันตรายอยู่เสมอ วันไหนที่ลูกค้านำสินค้าของเราไปเปรียบเทียบราคากับคู่แข่ง นั่นคือสัญญาณอันตรายที่บอกว่า สินค้าของเราไม่สามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ จนต้องทำให้ผู้บริโภคนำสินค้าเรามาพิจารณาที่ราคา เพราะหาสินค้าเราแตกต่างและดีพอ ลูกค้าจะไม่กล้าปฏิเสธสินค้าของเราเลย


ซึ่งที่ผ่านมา KKF ก็พยายามพัฒนาสินค้า จากตอนเริ่มต้น เป็นเม็ดพลาสติกสีใส จากนั้นทำการวิจัยเพื่อใส่สีลงไป แต่สิ่งนี้ยังไม่สามารถทำให้คุณภาพและบริการแตกต่างจากคนอื่นได้ สิ่งที่จะทำให้แตกต่างได้จริง ๆ คือกระบวนการผลิต ทำให้ต้องมีการสร้างทีม R&D (research and development) และออกแบบเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเอง เพื่อทำให้สินค้ามีคุณภาพที่ดีกว่า และตอบโจทย์ผู้บริโภค


เพราะสินค้าและบริการทุกอย่าง มาจากความต้องการของผู้บริโภค หน้าที่ของบริษัท คือหาสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคด้วยคุณภาพที่สูงที่สุดและต้นทุนต่ำที่สุด ซึ่งในปัจจุบันลูกค้ามีตัวเลือกสินค้าหลากหลาย โดยเฉพาะสินค้าราคาถูกจากจีน  ความแตกต่างจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้สินค้าของเรา ลูกค้าไม่สามารถปฏิเสธได้


เมื่อสามารถสร้างความแตกต่างในสินค้าแหอวน จนไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ เมื่อมีคนมาแนะนำหรือเสนอช่องทางการทำธุรกิจอื่นให้ หากบริษัทมีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคน การบริหารจัดการ และเครื่องจักร บริษัทก็จะสามารถกระโดดเข้าไปทำอีกธุรกิจนึงได้ง่ายขึ้น


จึงเป็นที่มาของธุรกิจที่ 2 ของ KKF คือ ธุรกิจขนแปรงสีฟันและ Brush On ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับคำแนะนำจากคู่ค้าที่ขายเครื่องจักรให้กับบริษัท ที่แนะนำว่า เครื่องจักรที่นำมาผลิตแหอวน สามารถประยุกต์ใช้กระบวนการและวิธีการผลิตแหอวนเพื่อนำไปฉีดทำขนแปรงได้


และจากคู่ค้าขายเครื่องจักรในวันนี้ ก็กลายมาเป็นผู้ร่วมลงทุน ในการก่อตั้งบริษัทเพื่อผลิตเส้นใยพลาสติกทำขนแปรงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นขนแปรงสีฟัน ขนแปรงแต่งหน้า และขนแปรงที่ใช้ในอุตสาหกรรม แต่การจะเกิดสิ่งนี้ได้ ก็มาจาก การถูกมองเห็นถึงศักยภาพและการบริหารงาน


และในช่วงเวลานั้น มีการประกาศค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท ทำให้บริษัทคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นจากเดิมเกินกว่าครึ่งหนึ่ง หรือถ้าจะให้คิดเป็นตัวเลข ประมาณ 30 ล้านบาทต่อเดือน จึงเกิดคำถามว่าทำอย่างไรให้สามารถลดต้นทุนจากการใช้คนให้ได้มากที่สุด ซึ่งคำตอบก็คือ ระบบ Automation ที่ใช้ในคลังสินค้าของตัวเอง


จะเรียกว่าด้วยความโชคดีหรืออะไรก็ตาม ที่บริษัทมี ทีม R&D เคยพัฒนาในตอนที่เปิดโรงงานผลิตเครื่องจักร สามารถนำทักษะความรู้และระบบซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ มาต่อยอดระบบ Automation เมื่อสามารถพัฒนาจนสำเร็จแล้ว ก็ส่งผลให้ลดค่าใช้จ่ายของบริษัทได้มากพอสมควร


ยิ่งไปกว่านั้น ความสำเร็จของระบบ Automation และคลังสินค้า ทำให้ธุรกิจอื่น ๆ สนใจที่จะเข้ามาดูงาน รวมไปถึงการซื้อระบบไปใช้ในคลังสินค้าของเขาเช่นเดียวกัน จึงเห็นว่าตลาดนี้มีความน่าสนใจ เพราะมองว่ามีหลายบริษัทที่มีความจำเป็นต้องใช้คลังสินค้าอัตโนมัติ ทั้งบริษัทขนาดเล็กและขนาดใหญ่ แม้ในอนาคตจะมี AI แต่คลังสินค้าอัตโนมัติยังคงมีความสำคัญ


จึงมีความสนใจที่อยากก้าวเข้าไปในธุรกิจนี้ จึงมองหาว่าบริษัทที่จุดแข็งอะไรที่เข้าไปแล้ว จะแข่งขันได้ พบว่า จุดแข็งของบริษัทคือ การมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องของการออกแบบเครื่องจักร การทำ Sensors ตรวจจับการเคลื่อนไหว ซึ่งได้ทำการพัฒนาใช้ภายในบริษัทก่อน 


นอกจากนั้น ยังพบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว คู่แข่งในตลาดยังไม่มีความได้เปรียบในเรื่องของ Customization ซึ่งแม้จะต้องจ่ายแพงกว่าปกติแต่ได้คุณภาพมากกว่า นอกจากนั้นการที่สามารถใช้ระบบคลังสินค้าแบบใหม่ จะทำให้การใช้พื้นที่น้อยลง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อที่ดินของลูกค้า สิ่งนี้ก็ทำให้ลูกค้าให้ความสนใจที่จะใช้บริการกับทางบริษัทมากยิ่งขึ้น


ก้าวต่อไปของ KKF เกิดจากข้อมูลและสถิติ พบว่า ตั้งแต่ปี 2001 ตลาดการจับสัตว์น้ำมีภาวะเติบโตต่ำ จำนวนสัตว์น้ำน้อยลง อันเนื่องมาจาก ปัญหา Climate Change สิ่งนี้่บ่งบอกว่า Market Size ตลาดนี้ไม่โตแล้ว หากต้องการที่จะแย่ง Market Share ก็หมายความว่าบริษัทจะก้าวเข้าสู่ Red Ocean


ในทางกลับกัน พบว่า อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำนั้นกำลังเติบโต ที่อัตราการเติบโตเฉลี่ย 8-9% จึงมองว่านี่คือโอกาสใหม่ของอุตสาหกรรมประมง ทำให้ KKF เลือกที่จะเอาตัวเองเข้าไปในอุตสาหกรรมนี้ นอกจากนี้ยังพบว่า ในกระบวนการเลี้ยงปลา มีความจำเป็นต้องใช้อวน 


KKF จึงเปลี่ยนตัวเองจากผลิตอวนเพื่อการจับปลา ไปเป็นการเลี้ยงปลา จึงเป็นที่มาของการเริ่มลงทุนใน Aquaculture โดยการเทกโอเวอร์บริษัทในประเทศอิตาลี เหตุผลที่ต้องทำการเทกโอเวอร์ เนื่องจากหากไปเริ่มจากศูนย์เป็นเรื่องยากที่จะเติบโตให้ทันบริษัทอื่นในอุตสาหกรรม และการเทกโอเวอร์ก็เพื่อเรียนรู้และนำมาต่อยอดให้ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายว่าจะต้องเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้เช่นกัน 


ในปัจจุบัน KKF กลายเป็นบริษัทที่ผลิตแหอวนอันดับ 1 ของโลก โดยส่งออกไป 65 ประเทศทั่วโลก นอกจากมียังมีธุรกิจอื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจที่รับผลิตขนแปรงสีฟันและขนแปรง Brush On ซึ่งเป็นการต่อยอดองค์ความรู้มาจากการผลิตแหอวน รวมไปถึงธุรกิจ Automation Warehouse, พลังงานทดแทน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์


สิ่งที่ทำให้จากร้านโชห่วยในวันแรก มาเป็นอาณาจักรแหอวนในปัจจุบันได้ เพราะเริ่มที่จะกล้าฝัน กล้าตั้งโจทย์ที่ใหญ่ และหาวิธีไปให้ได้ และต้องสร้างความแตกต่าง โดยเฉพาะเรื่องของสินค้าและบริการ เพื่อสร้างสิ่งที่ลูกค้าปฏิเสธไม่ได้ ปรับตัวตามเทรนด์และความต้องการของตลาดอยู่เสมอ 


และท้ายที่สุด ไม่มีธุรกิจใดเติบโตโดยที่ไม่มีแบรนด์ ยกตัวอย่างเช่น KKF ทำให้ลูกค้าประทับใจ นอกจากสินค้าที่มีคุณภาพ ยังทำเสื้อ ผลิตธง ไปมอบให้กับกลุ่มชาวประมง เพื่อตอกย้ำว่า แหอวนที่มีคุณภาพต้องแหอวนตราเรือใบสีทอง


“ในปัจจุบันไม่มีสินค้าถูกหรือแพง มีแค่คุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่า และในปัจจุบันไม่ใช่ธุรกิจปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่เป็นธุรกิจปลาเร็วกินปลาช้า ดังนั้นถ้าคุณไม่เตรียมตัวเพื่อคว้าโอกาสไว้ล่วงหน้า เมื่อโอกาสมาถึง คุณจะไม่พร้อมคว้าโอกาสนั้น”: คุณบดินทร์ เสรีโยธิน (ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท ขอนแก่นแหอวน จำกัด)


เรียบเรียงโดย: THE INSIDER 
Source
– The Secret Sauce Summit 2024

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *