MIXUE ยอดขาย 7 หมื่นล้าน เพราะขายขาดทุน !?
MIXUE ร้านขนมสัญชาติจีนที่ตอนนี้น้อยคนที่จะไม่รู้จัก
ด้วยรสชาติที่อร่อย ในราคาที่ถูกแสนถูกนี้
วันนี้สำนักข่าว THE INSIDER ได้นำเรื่องราว
รวมทั้งกลยุทธ์ธุรกิจที่ MIXUE ใช้ มาให้ทุกคนได้ฟัง
และได้ลองคิดตาม ประหนึ่งว่าหากคุณได้กลายเป็น
CEO MIXUE ในเวลานั้น คุณจะมีกลยุทธ์ธุรกิจอย่างไร?
แบบที่เรียกว่า Case Based Discussion ในห้องเรียน MBA จริง ๆ
เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันได้ในบทความกันเลย
Part 1 : ประวัติ MIXUE
MIXUE มีจุดเริ่มต้นมาจากชายคนหนึ่ง
ชื่อว่า Zhang Hongchao ช่วงตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา
เขาอยากทำธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง
เขาเลยยืมเงินจากครอบครัวมา 3,000 หยวน
หรือตีเป็นเงินไทยในสมัยนั้นก็ประมาาณ 17,000 บาท
และเริ่มเปิดร้านขายเครื่องดื่มเล็ก ๆ เป็นของตนเองร้านแรก
ขายมาได้สักพักหนึ่ง และแน่นอนว่า
การทำธุรกิจแล้วจะสำเร็จ
ในครั้งแรกเลยนั้นเป็นเรื่องยาก
ร้านของคุณ Zhang Hongchao ก็เช่นกัน
ด้วยความที่ร้านน้ำหวานมี Barrier to Entry ต่ำ
คือใครจะเข้ามาเป็นคู่แข่งก็สามารถเข้ามาได้ง่าย ๆ
นั่นทำให้หลังจากร้านเปิดมาได้ไม่นานก็ได้ปิดตัวลง
แต่นั่นไม่ได้ทำให้คุณ Zhang Hongchao ย่อท้อ
เขาได้ย้ายสถานที่ตั้งร้านแล้วเปิดร้านใหม่
และเขาก็ได้เปิดและปิดร้านลงถึง 3 ร้าน ภายใน 1 ปี
จนในปี 1997 คุณ Zhang Hongchao ก็ได้มาที่
เมืองเจิ่งโจว และเปิดร้านใหม่ เป็นร้านน้ำแข็งใส
เพราะสมัยเรียนเขาเคยทำงานพาร์ทไทม์
ในร้านน้ำแข็งใสมาก่อน จึงอยากเปิดร้านแบบเดียวกันขึ้น
โดยตั้งชื่อร้านว่า MIXUE Bingcheng
ซึ่งแปลว่า ปราสาทน้ำแข็งที่สร้างด้วยหิมะอันแสนหวาน
ร้าน MIXUE เปิดมา 6-7 ปี แบบพออยู่ได้
คือมีรายได้วันละประมาณ 100 หยวน หรือประมาณ 500 บาท
แต่ธุรกิจไม่เติบโตสักที คุณ Zhang Hongchao
จึงคิดกลยุทธ์ธุรกิจใหม่ ที่ทำให้ MIXUE เติบโตอย่างก้าวกระโดด …
| กลยุทธ์นั้นคืออะไร?
| จุดนี้เป็นจุดที่ผมจะให้คุณลองวิเคราะห์กันดูครับ
| ถ้าคุณเป็น CEO MIXUE ในวันนั้น
| คุณจะมีแนวทางการจัดการ
| และเปลี่ยนกลยุทธ์ของร้าน MIXUE ให้เป็นอย่างไร?
| ถ้าพร้อมแล้วลองเขียนคำตอบของคุณไว้ในกระดาษ
| แล้วไปดูเฉลยกันต่อใน Part ต่อไป ได้เลยครับ
Part 2 : กลยุทธ์ของ คุณ Zhang Hongchao
เมื่อคุณ Zhang Hongchao ได้คิดอย่างรอบคอบแล้ว
เขาได้คิดว่าเขาไม่ควรที่จะติดอยู่แค่การเป็นร้านน้ำแข็งใส
แต่ควรเจาะตลาดขนมที่มีลักษณะ หวาน ๆ เย็น ๆ มากกว่า
และในขณะนั้นไอศกรีม Soft Serve กำลังบูมมาก ๆ ในจีน
ร้านอื่น ๆ จะขายอยู่ที่ประมาณ 5 – 10 หยวน
แต่คุณ Zhang Hongchao กลับตัดสินใจขาย
ในราคาเพียง 2 หยวน ทางธุรกิจจะเรียกการทำแบบนี้ว่า
“กลยุทธ์การขายสินค้าแบบไม่มีกำไร”
เพราะปกติเวลาทำธุรกิจจะมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง
นอกจากต้นทุนวัตถุดิบ แล้วยังมีค่าทำการตลาด
และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก แต่การใช้กลยุทธ์ขายไม่มีกำไรนี้
จะทำให้ทางธุรกิจลดการใช้ค่าทำการตลาดลง
และทำให้คนอยากเข้ามาซื้อมากขึ้น ๆ ด้วยกลยุทธ์นี้
เป็นไปตามคาด คนมาต่อแถวซื้อที่ร้าน MIXUE มากขึ้น ๆ ๆ
ร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น ๆ ๆ โดยใช้ค่าการตลาดน้อยมาก ๆ
หรือแทบไม่ได้ใช้เลยในช่วงแรก ๆ แล้วพอคนเข้ามามาก ๆ
หลายคนก็มักไม่ได้ซื้อเพียงอย่างเดียว ซื้อสินค้าอื่น ๆ ไปด้วย
ทำให้ MIXUE ขายดีขึ้น ๆ และหลังจากนั้นในปีถัดมา
คุณ Zhang Hongchao ก็ใช้โอกาสนี้ในการเปิด
การขายธุรกิจของเขาแบบ Franchise ให้ผู้ประกอบการ
คนอื่น ๆ มาซื้อ Franchise ของ MIXUE เรื่อยมา
| แต่เรื่องราวไม่จบเพียงเท่านั้น คุณ Zhang Hongchao
| ทำอย่างไร ใช้กลยุทธ์แบบไหนต่อ ที่ทำให้ตอนนี้
| MIXUE กลายเป็นเฟรนไชส์อันดับ 5 ของโลก
| เป็นรองเพียง McDonald’s KFC Starbucks
| และอีกไม่กี่แบรนด์เท่านั้น
| อ่านต่อได้ใน Part 3
Part 3 : หนทางสู่ระดับโลกของ MIXUE
หลังจาก MIXUE เปิดขาย Franchise แล้ว
ทาง MIXUE ใช้วิธีเอาเงินจากการขาย Franchise นั้น
มาขยายระบบ Supply Chain ของตน คือ ใช้วิธี Economies of Scale
เมื่อมีจำนวนสาขาเยอะ ๆ แล้ว
ก็ทำให้ต่อรองราคาวัตถุดิบได้เพราะซื้อจำนวนเยอะ ๆ
นั่นทำให้การขายไอศกรีม Soft Serve ในราคา 2 หยวน
ของ MIXUE นั้น จากตอนแรกขาดทุน ตอนนี้วัตถุดิบ
ซื้อได้ถูกลงจึงกลายเป็นกำไร และนั่นทำให้จะหาธุรกิจไหน
มาตัดราคา MIXUE นั้นได้ยากมาก ๆ
จากการใช้กลยุทธ์แบบนี้
และเมื่อทุกที่คนเห็นว่า MIXUE ขายทั้งของถูกและดีแบบนี้
จึงสามารถขายดีได้ในหลาย ๆ สาขา
มีคนต่อแถวซื้อมากมาย
และทำให้จำนวนสาขา Franchise ของ MIXUE
ตอนนี้มากกว่า 20,000 เป็นที่เรียบร้อย
ถ้าอยากให้ THE INSIDER TEAM
สรุป Case Based Discussion แบบนี้
ของแบรนด์ไหนมาให้อ่าน บอกกันได้ในคอมเมนต์
แล้วถ้าชอบก็อย่าลืมแชร์โพสต์นี้กันนะครับ
พวกเรา THE INSIDER TEAM จะสรุปสาระดี ๆ แบบนี้
มาให้ทุกท่านได้อ่านกันอีกครับ
อย่าลืมกดติดตามไว้ จะได้ไม่พลาดอินไซต์ธุรกิจดีๆ
