Entrepreneur Mindset กับ Leadership ต่างกันยังไง?

0
Leadership Entrepreneur Mindset Business Strategy Management Skills Personal Growth ภาวะผู้นำ ความคิดแบบผู้ประกอบการ การบริหารองค์กร Middle Management พัฒนาตัวเอง


ภาวะผู้นำ หรือ Leadership เป็นความสามารถในการชี้นำให้กลุ่มคนเดินไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยจะต้องมีทั้งความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจ การตัดสินใจ การสื่อสาร และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทีม และสิ่งที่หลาย ๆ คนมักจะเข้าใจผิดคือ ภาวะผู้นำ ต้องอยู่ในตำแหน่งสูง ๆ ขององค์กร แต่แท้จริงแล้ว ภาวะผู้นำ ไม่จำเป็นต้องรอให้มีอำนาจอย่างเป็นทางการ เพียงแค่มีความสามารถในการสร้างการยอมรับและการสนับสนุนจากทีมหรือคนรอบข้าง ก็เป็นสิ่งที่เรียกว่า ภาวะผู้นำอย่างมีประสิทธิภาพได้


ภาวะผู้นำของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน สำหรับคุณหมู-ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ผู้ก่อตั้งและ CEO บริษัท อุ๊คบี จำกัด นิยามความเป็นผู้นำของตัวเองว่าเป็น “Learning by Doing” มาจากเส้นทางของการทำธุรกิจ ในตอนเริ่มต้นก็เริ่มทำบริษัทของตัวเอง ต่อมาก็เกิดการระดมทุน เมื่อมีคนอยากได้คำแนะนำ ก็แชร์ประสบการณ์ รวมไปถึงลงทุนในบริษัทที่น่าสนใจ ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็เกิดจากการลงมือทำจริง ๆ และค่อย ๆ เรียนรู้


ไม่ว่าจะในมุมของ Cryptocurrency หรือ SMEs ก็เริ่มจากการทำของตัวเองก่อน เมื่อไปจึงจุดที่เติบโตในระดับนึง ก็เริ่มไปลงทุนในธุรกิจอื่นมากขึ้น เช่น ตั้งกองทุนเป็นของตัวเอง หรือ ลงทุนกับ SMEs จากรายการ Shark Tank เป็นต้น และสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะทำสิ่งใด ต้องทำด้วยความเข้าใจ


ในช่วงที่ผ่านมา เราจะได้ยินคำว่า “Leadership” และ “Entrepreneur Mindset” บ่อยมากขึ้น ซึ่งสองคำนี้มีสิ่งที่ใกล้เคียงกันในแง่ของการคิดเชิงกลยุทธ์ การตัดสินใจภายใต้ความเสี่ยง การแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาด และการสร้างแรงบันดาลใจให้คนรอบข้าง การที่ผู้นำมีแนวคิดของผู้ประกอบการ หรือ ผู้ประกอบการที่มีแนวคิดของผู้นำ จะช่วยให้องค์กรหรือธุรกิจเดินไปสู่ความสำเร็จได้


ซึ่งสองสิ่งนี้ มีอยู่ในตัวของคนทุกคน แต่มากน้อยขึ้นอยู่กับประสบการณ์ บุคลิกภาพ และสิ่งแวดล้อมของคนนั้น ๆ ในฐานะผู้นำขององค์กร หากต้องการพัฒนาสองทักษะนี้ให้กับคนในองค์กร จะทั้งหมด หรือคนใดคนหนึ่ง ก็ต้องเกิดจากการพูดคุยกัน เพราะแต่ละคนก็มีปัจจัยและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ทั้งในแง่ของเวลา ทักษะ ความสามารถ รวมไปถึงสุขภาพ


สำหรับคุณหมู เป็นคนที่ทำบริษัทหลายบริษัท เมื่อจะทำบริษัทใหม่ ๆ ขึ้นมา ที่ไม่ใช่การไปลงทุนในบริษัทอื่น จะมองหาคนที่มีสองสิ่งนี้ เพื่อมาเป็น Co-CEO หรืออยู่ในระดับเดียวกัน เพื่อเข้ามาช่วยกันบริหารบริษัทให้เติบโต ซึ่งคุณหมูจะสร้างคนนี้ให้สามารถเป็นที่ยอมรับและตัดสินใจได้เท่ากับคุณหมู เพื่อไม่ให้ตัวคุณหมูเองเป็นคอขวดบริษัท ที่ทำอย่างจะต้องมาอยู่ที่เขา


นอกจากในตำแหน่งนี้ การจะเลือกตำแหน่งอื่น ๆ เข้ามาในบริษัท ก็ต้องพิจารณาก่อนว่า จากจุดที่อยู่ไปจุดที่ต้องการไปถึง ในอีก 3 -5 ปีข้างหน้า บริษัทต้องการใครหรือคนแบบไหนบ้าง เพราะวิสัยทัศน์นี้มันถูกถ่ายทอดไปสู่คนในบริษัท ดังนั้นคนที่จะเข้ามา ก็ต้องเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์นี้ให้ได้ และสิ่งสำคัญที่จะเกิดขึ้นหรือกำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันคือการทำงานต่าง Generation ในฐานะผู้นำก็ต้องทำความเข้าใจในส่วนนี้ และยอมรับให้ได้ว่า ที่ผ่านมาเราอาจจะเก่งในเรื่องนั้น ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาจจะมีคนที่เก่งกว่าเราก็ได้


สำหรับคุณหมู เมื่อต้องบริหารหลายบริษัท ทั้งของตัวเองและที่ไปลงทุน สิ่งสำคัญคือการมี “Agenda” สิ่งนี้จะช่วยทั้งในแง่ของเวลา และเรื่องที่ต้องตัดสินใจ แม้กระทั่งอีกหนึ่งบทบาทที่หลาย ๆ คนรู้จักคุณหมู ก็คือการไปสอนหรือไปบรรยายตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งการมี agenda ก็ช่วยให้รู้ว่าผู้เรียนคือกลุ่มไหน จะต้องเอาอะไรไปสอนเขา เพื่อจะได้เตรียมตัวนำสิ่งที่เหมาะสมไปสอนให้กับเขา ซึ่งทั้งหมดนี้ มันนำมาซึ่งความรู้สึกที่ดี เมื่อทุกคนรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเตรียมตัวมาอย่างเหมาะสมถูกต้อง ก็จะไม่เกิดความขัดแย้ง เมื่อเกิดความรู้สึกที่ดี ก็นำมาซึ่งความสัมพันธ์ที่ดี


แม้จะทำมาหลายบริษัทหรือลงทุนมาหลายบริษัท แต่ก็ล้มเหลวมาหลายครั้ง แต่ในทุกครั้งที่ทำบริษัทหรือลงทุนในบริษัท ก็พยายามอยากทำให้บริษัทมีความยั่งยืน แต่การที่บริษัทจะยั่งยืนได้ ต้องเริ่มจากคนและความสัมพันธ์กับคนในบริษัทก่อน เพราะเมื่อเกิดความยั่งยืนในความสัมพันธ์ แม้จะทำแล้วล้มเหลวร่วมกัน มันก็ยังมีโอกาสที่จะกลับมาทำงานร่วมกันใหม่ได้อีกครั้ง


ในปัจจุบันอีกหนึ่งบทบาทที่มีความสำคัญในองค์กรหรือในบริษัทคือ “Middle Management” เพราะเขาคือคนที่รับจากข้างบนและส่งต่อไปสู่ข้างล่าง ให้ครบ ราบรื่น และเกิดขึ้นจริงให้มากที่สุด นอกจากนั้นยังมีบทบาทหน้าที่หลักที่ต้องรับผิดชอบ รวมไปถึงการต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา คอยแก้ไขปัญหา และอีกมากมาย เรียกได้ว่า ตำแหน่งนี้ในปัจจุบัน เป็นการรับศึกรอบด้าน


แนวทางสำหรับคุณหมู ในเรื่องของ middle management หากอยู่ในองค์กรที่มีการเติบโตแบบพีระมิด หากกำลังรู้สึกว่าโดนบีบจากทั้งข้างบนและข้างล่าง สิ่งหนึ่งที่อาจทำได้ คือการมองหาสถานที่ใหม่ ๆ ที่อาจจะเหมาะสมกับเรามากกว่า แต่หากยังไม่มีความต้องการที่จะออกจากองค์กรไปไหน ต้องอาศัยการพัฒนาตัวเองสูงมาก ๆ ให้มีทักษะ แล้วนำทักษะนั้น ขยายออกด้านข้างให้มากขึ้น หรือแม้แต่การสร้างพีระมิดใหม่ขึ้นมา แต่คุณหมูบอกว่า มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็มีคนที่ทำได้


ในฐานะคนที่ลงทุนและลองผิดลองถูกมาหลากหลาย คุณหมูให้คำแนะนำว่า สิ่งสำคัญคือจุดเริ่มต้น เริ่มเล่ม เริ่มทดลอง เริ่มทำ และเริ่มจากเล็กน้อยก่อนก็ได้ ถ้าเจ๊งก็นิดเดียว ก็ถือว่านั่นเป็นค่าเล่าเรียน ซึ่งมันแตกต่างกับคนที่มัวแต่มองอยู่นอกสนามแล้วไม่ลงมือทำอะไรเลย ก็จะไม่มีทางได้เรียนรู้ ได้ประสบการณ์ และเราไม่จำเป็นต้องเก่งทุกอย่าง แต่เราต้องเข้าหาหรือมองหาคนเก่งมาทำแทนเราให้ได้


สุดท้ายคุณหมูฝากถึงคนที่ต้องการพัฒนาตัวเองให้เก่ง ว่า สิ่งแรกต้องรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองก่อน และรู้ว่าสิ่งที่เราต้องเอาไปแลกมีมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินหรือเวลา ซึ่งเงินอาจจะหาเพิ่มได้ แต่เวลาในแต่ละวันของเรา กลับลดลงเรื่อย ๆ ดังนั้นเมื่อต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ต้องคิดว่าแลกไปแล้วเราจะสิ่งที่เพิ่มขึ้นมา ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้หรือไม่?


เรียบเรียงโดย: THE INSIDER 
Source
https://youtu.be/8IXpvAWijOM?si=p6teNxO2Y0a_xNmE 
https://youtu.be/ByZZotWupoE?si=ABAgG8iTJhxvrWM9 
https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1035267

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *