กลยุทธ์ธุรกิจจีนที่ทำให้แบรนด์บุกตลาดโลกได้สำเร็จ

ธุรกิจจีนทำอย่างไรถึงสามารถไปบุกตลาดโลก?
เมื่อพูดถึง “จีน” หลายคนอาจนึกถึงเศรษฐกิจมหาอำนาจ ผู้ผลิตอันดับหนึ่งของโลก หรือแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง TikTok แต่เบื้องหลังความสำเร็จนั้น ไม่ได้เกิดจากโชค แต่เป็นการมองเกมให้ขาด และจับจังหวะให้ถูก เหมือน “ลดพัดผ่าน” ได้อย่างเฉียบคม สิ่งที่พี่เปี๊ยก-บุญชัย ลิ่มอติบูลย์ ได้เล่าไว้ใน Xclusive Classroom ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ X-Club คือเรื่องราวและกลยุทธ์เชิงลึกของธุรกิจจีน ที่นักธุรกิจไทยควรทราบ
Insight ธุรกิจจีนที่คนไทยควรรู้ก่อนจะพลาด
- “อยู่ในช่องทางที่ลมพัดผ่าน หมูก็ยังบินได้” คือแนวคิดของ Lei Jun ซึ่งเป็น Founder ของ Xiaomi ที่สอนว่า ถ้าอยูถูกที่ ถูกเวลา ก็โตได้ แม้ไม่ได้เก่งที่สุดในตลาด
- ถ้าจะมองจีน อย่ามองแค่เป็นตลาด แต่ต้องมองเป็น “ระบบนิเวศธุรกิจ” ที่เปลี่ยนวิธีคิดของผู้ประกอบการไปโดยสิ้นเชิง
- เทรนด์ธุรกิจจีน 20 ปีที่ผ่านมาของจีน
– Property (2004-2019)
– Tech Startup & E-commerce (2004-2020)
– Local Brand (2019 – ปัจจุบัน)
– Content-Base Ecommerce (2020-ปัจจุบัน)
– Go Abroad (2023-ปัจจุบัน) - ช่วง Tech Startup & E-commerce กำลังบูม: Xiaomi โตจากแนวคิด “ฮาร์ดแวร์กำไรน้อย แต่รายได้หลักมาจากซอฟต์แวร์” พร้อมขยาย ecosystem ด้วยอุปกรณ์ IoT
- Alipay ใช้เวลา 8 ปีในการผูกบัญชี 200 ล้านบัญชี แต่ WeChat Pay ทำได้เพียงแค่ 2 วัน โดยข้อมูลฐานผู้ใช้เดิมมหาศาลจากแชท ทำให้เชื่อมต่อธุรกิจได้ทันที
- ByteDance เริ่มจากแอปอ่านข่าว Toutiao สู่ TikTok และ Douyiu ด้วยการสังเกตพฤติกรรมคนอ่านมือถือบนรถไฟฟ้า ธุรกิจจึงเริ่มจาก insight ที่เรียบง่าย
- ผู้ก่อตั้ง ByteDance สามารถพา TikTok โตไประดับโลกในเวลาไม่ถึง 10 ปี ด้วยการใช้ AI, เข้าใจผู้ใช้แบบ real-time และเสนอคอนเทนต์ที่ตรงกับสิ่งที่คนดูสนใจ
- Ant Group เคยเตรียม IPO ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ถูกทางการจีนเบรก เพราะถือข้อมูลผู้ใช้มหาศาล จนกลายมาเป็นการออกกฎให้แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้เกิน 1 ล้าน หากจะ IPO ต่างประเทศ ต้องขออนุญาตจากรัฐบาลจีน
- แบรนด์ท้องถิ่นในจีนกำลังเติบโตเร็ว เนื่องจากเงินทุนจากฝั่ง Big Tech ที่ถูกห้าม IPO ต่างประเทศ ถูก redirect มาลงในสินค้า real sector ไม่ว่าจะเป็น
– อาหาร
– เครื่องใช้ไฟฟ้า
– ร้านอาหาร
– เครื่องสำอางค์
– เครื่องดื่ม
– ชา กาแฟ - จีนเคยมีแบรนด์รถ EV มากกว่า 400 แบรนด์ แต่ปัจจุบันเหลือไม่ถึง 10%
- Content-based E-commerce ไม่ใช่แค่ขายของ แต่เป็นการใช้ “AI + Creator + Content” ทำให้คนดูสนุก แต่ปิดการขายได้แม่นยำและเร็ว
- Douyin และ TikTok เติบโตเพราะเข้าใจ 3 แกนหลัก: คน (AI วิเคราะห์ผู้ใช้), สินค้า (ตรงกลุ่ม), สถานที่ (แพลตฟอร์มที่คนใช้เวลานาน)
- ที่จีน ขายของผ่าน Live มากกว่าคลิป เพราะ Live คือช่องทางหลักในการปิดการขายทันที จึงมีคน live กัน 24 ชั่วโมงทุกวันแบบไม่มีหยุด
- TikTok ไม่รอให้โชคมา แต่ “สร้างดาวเคราะห์ให้ตัวเองเป็นพระอาทิตย์” ด้วยการตั้ง TSP, MCN และ TAP เพื่อดึงแบรนด์ให้อยู่ในระบบของตน
- Go Abroad คือยุคที่จีนพาแบรนด์บุกโลก เช่น MIXUE, Haidilao, CHAGEE, POPMART และ SKINTIFIC ที่เริ่มมีบทบาทในไทยอย่างเห็นได้ชัด
- เวลาจีนออกไปต่างประเทศ เขาออกไปแบบ Infrastructure (โครงสร้างพื้นฐาน) เป็นสิ่งที่ทำให้จีนออกไปต่างประเทศไทยง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็น Lazada, Shoppee, TikTok และ TEMU ดังนั้นถ้าเชื่อมต่อระบบ ERP ที่ประเทศจีน ก็สามารถขายไปต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้
- เทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ นั่นก็คือ เทรนด์ AI ของจีน
- 2024 China E-Commerce GMV (Gross Merchandise Value)
– Taobao/Tmall = 8 พันล้านหยวน (3.6 หมื่นล้านบาท)
– Pinduoduo = 5.2 พันล้านหยวน (2.3 หมื่นล้านบาท)
– Douyin = 3.5 พันล้านหยวน (1.6 หมื่นล้านบาท)
– JD = 3.2 พันล้านหยวน (1.4 หมื่นล้านบาท)
– Kuaishou = 1.3 พันล้านหยวน (5.9 พันล้านบาท)
– Meituan = 0.3 พันล้านหยวน (1.4 พันล้านบาท)
– Other = 0.2 พันล้านหยวน (1 พันล้านบาท)
จากเรื่องราว Insight ที่พี่เปี๊ยกนำมาแชร์ ทำให้ได้เห็นภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและกลยุทธ์ของจีนที่แท้จริง ซึ่งล้วนแต่เกิดจากการจับเทรนด์ให้แม่น และใช้จังหวะให้เป็น ทุกจังหวะของธุรกิจจีนจึงไม่ใช่เรื่องของโชค แต่เป็น “ศิลปะในการวางแผน” อย่างมีระบบ หากธุรกิจไทยที่จะทำธุรกิจแข่งกับคนจีน, ทำธุรกิจกับคนจีน หรือไปบุกตลาดจีน มองเกมไม่ขาด อาจพลาดโอกาสสำคัญ
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER