วิธีคิดของ CEO ยุคใหม่ ที่นักลงทุนอยากร่วมงาน

0
ยูนิคอร์น สตาร์ทอัพ ซีอีโอ นักลงทุน กลยุทธ์ธุรกิจ unicorn startup business growth investor pitch scaling strategy startup founder

CEO ระดับยูนิคอร์นทำยังไงให้นักลงทุนสนใจ?


ในโลกของการทำ Starup และการสร้างธุรกิจให้เติบโตแบบ “ก้าวกระโดด” รวมไปถึงความฝันที่ใครหลายคนอยากสร้างธุรกิจไปให้ถึง นั่นคือ “ยูนิคอร์น” แต่คำถามสำคัญคือ “แล้วเราต้องเริ่มจากตรงไหน?” และ “CEO เขาทำยังไง?” สิ่งที่คุณแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการแห่ง Krungsri Finnovate ได้เล่าไว้ใน XL-Class ของ X-Club เปรียบเสมือนแผนที่ทางธุรกิจ เพื่อให้นักธุรกิจได้รู้ว่า “การจะโตอย่างมีเป้าหมาย ต้องเริ่มจากอะไรบ้าง?”


สามารถสรุปสิ่งที่น่าสนใจจาก XL-Class ได้ดังนี้

  1. การเริ่มต้นกับ Co-founder ที่ใช่ คือจุดเริ่มต้นของธุรกิจที่แข็งแรง ดังนั้นต้องเลือกคนที่เสริมกันได้ ไม่ใช่แค่ถูกใจส่วนตัว รวมถึงต้องชัดเจนเรื่องบทบาทและระบบตั้งแต่ต้น
  2. ทีมที่แข็งแรงไม่ได้วัดแค่ตอนทำงาน แต่ต้องมี “ระบบ” ที่ดีเพื่อรองรับแม้ในวันที่ต้องขาดคนสำคัญ
  3. ข้อควรระวังในการเลือก Co-founder คือไม่ควรเอาครอบครัวเข้ามายุ่งกับธุรกิจ ถ้าระบบยังไม่ชัดเจน เพราะความเป็นครอบครัวอาจให้พลังใจ แต่ถ้าไม่มีระบบบริหาร จะกลายเป็นบ่อเกิดของปัญหาแทน ต้องแยกให้ชัดระหว่างเรื่องงานกับความสัมพันธ์ส่วนตัว
  4. อย่าเริ่มธุรกิจแค่คำว่า “อยากทำ” แต่ให้เริ่มจากคำถามว่า “ลูกค้ามี Pain Point อะไร?” เพราะแก้ปัญหาได้จริง คือรากฐานของธุรกิจที่ยั่งยืน เช่น Grab ที่ไม่ได้แค่เรียกรถ แต่เข้าใจชีวิตของ Grabber อย่างลึกซึ้ง
  5. ความสำเร็จไม่ได้มาจากแค่อยากทำ แต่ต้องมี “Passion” ที่แท้จริง พร้อมฝึกฝนจนกลายเป็น “กล้ามเนื้อแห่งความคิด” ด้วยการคิดเรื่องใหม่อย่างน้อยวันละ 1 เรื่อง
  6. Positive Attitude ทำให้ CEO มองเห็นโอกาสแม้ในสถานการณ์เล็ก ๆ รวมไปถึงการเปิดใจที่จะ Collaborate กับทีมและคนรอบข้างได้ดีขึ้น โดยเฉพาะคำพูดที่เป็นบวก จะช่วยสร้างเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน
  7. CEO ที่ดีต้อง “รู้ตัวเลข” และใช้ข้อมูลในการตัดสินใจได้ทันที เช่น สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับรายได้ หรือ cash flow ได้ทันที ไม่ใช่รอถามทีมบัญชี นอกจากนี้การใช้ Dashboard แบบ realtime เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามสถานการณ์และปรับกลยุทธ์ได้ทันเวลา
  8. CEO ต้องมองตลอดให้ทะลุ ด้วยการศึกษาข้อมูลเชิงกลยุทธ์ เช่น
    – TAM >> Total Addressable Market (ตลาดรวมทั้งหมด)
    – SAM >> Serviceable Available Market (กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เข้าถึงได้)
    – SOM >> Serviceable Obtainable Market (ส่วนแบ่งตลาดที่คาดว่าจะได้จริง)
  9. องค์กรที่ Scale ได้ดี ต้องมี Feedback Culture ที่แข็งแรง ผ่านโมเดล “I like/I wish” ช่วยให้ทีมกล้าพูด กล้าปรับปรุงอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการทำ One-on-One อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ช่วยให้เข้าใจลูกทีม เข้าใจ Pain Point และต่อยอดการพัฒนา
  10. นอกจากการทำ One-on-One สามารถทำ One-over-One ได้ด้วย โดยใช้ชุดคำถามเดียวกัน เพื่อเป็นการรับฟังเสียงของคนในทีม ไม่ใช่แค่ระดับ Head หรือ Manager เป็นการสร้างคุณค่า และกล้าแสดงความคิดเห็น
  11. ก่อนการ Feedback ควรทำ Ice-breaking จะช่วยลดแรงต้านและเปิดใจมากขึ้น
  12. ลูกค้าต้องรู้สึกว่า “ชนะ” เมื่อจ่ายเงินให้เรา เพราะสินค้าและบริการจะมีคุณค่าในสายตาลูกค้า ก็ต่อเมื่อพวกเขารู้สึกว่า “ได้มากกว่าที่จ่ายไป”
  13. ธุรกิจไม่ควรโตด้วย “แรงคน” อย่างเดียว แต่ควรโตด้วย “ระบบ” เช่น การใช้ Dashboard, ระบบ BOM คุมต้นทุนอาหาร, หรือการตั้ง SOP ให้ทุกอย่างรันได้เองแม้มีคนทำงานน้อย
  14. อยากขยาย ต้องสร้าง “ระบบที่ขยายได้” ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดสาขา หรือ แฟรนไชส์ ถ้าไม่มีระบบรองรับ ธุรกิจจะพังเร็ว ๆ พอกับที่มันโตเร็ว
  15. แต่ถ้าอยากเป็นระดับยูนิคอร์น ต้องมากกว่าคำว่า “Passion” หรือไอเดียลอย ๆ แต่เริ่มจากการแก้ “Pain Point” จริง หรือมี Purpose ที่จับต้องได้ เช่น Flash (จัดการค่าส่งให้ถูก + บริการถึงบ้าน)
  16. นักลงทุนไม่มีเวลามากพอที่จะให้เราอธิบายทุกสิ่งตั้งแต่แรก แต่สิ่งที่เราต้องทำคือต้องฝึก Pitch ให้พร้อม (30 วินาที/ 1 นาที/ 5 นาที) เพื่อทำให้เขาสนใจตั้งแต่วินาทีแรก โดยเล่าให้กระชับ น่าสนใจ และ “น่าลงทุน”
  17. คำเตือน: อย่าให้นักลงทุนถือหุ้นเกิน 40% เพื่อรักษา “สิทธิในการกำหนดทิศทาง” ของธุรกิจ
  18. ยังมีตลาดใหม่ที่กำลังเปิดอยู่เสมอ หรือบางตลาดที่เปิดไปแล้ว แต่ยังไม่มีเจ้าตลาด ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจที่เราจะเข้าไปแย่งส่วนแบ่งหรือทำตัวเองให้กลายเป็นเจ้าตลาดให้ได้
  19. สุดท้าย นักลงทุนมองหา “อนาคต” ไม่ใช่ “อดีต” ของธุรกิจ ดังนั้น เราต้องทำให้เห็นว่า ธุรกิจของเรามีศักยภาพในการเติบโตในอนาคตได้อย่างไร เช่น ขนาดตลาด, แนวโน้มผู้บริโภค หรือการ Scale เป็นต้น


บทเรียนจาก XL-Class คือภาพจริงของการทำธุรกิจยุคใหม่ ที่ไม่ได้มีแค่ “ไอเดียที่ดี” แต่ต้องมี Passion, Data, Mindset รวมไปถึงระบบและทีมที่แข็งแรง เป็นองค์ประกอบร่วมกัน การฟัง Feedback ให้มากขึ้น และกล้าที่จะ “คิดใหม่ทุกวัน” จะช่วยให้ธุรกิจไม่ย่ำอยู่กับที่ แต่พร้อมปรับตัวและ Scale อย่างมั่นคง


เรียบเรียงโดย: THE INSIDER

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *