วิธีคิดของ CEO ยุคใหม่ ที่นักลงทุนอยากร่วมงาน

CEO ระดับยูนิคอร์นทำยังไงให้นักลงทุนสนใจ?
ในโลกของการทำ Starup และการสร้างธุรกิจให้เติบโตแบบ “ก้าวกระโดด” รวมไปถึงความฝันที่ใครหลายคนอยากสร้างธุรกิจไปให้ถึง นั่นคือ “ยูนิคอร์น” แต่คำถามสำคัญคือ “แล้วเราต้องเริ่มจากตรงไหน?” และ “CEO เขาทำยังไง?” สิ่งที่คุณแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการแห่ง Krungsri Finnovate ได้เล่าไว้ใน XL-Class ของ X-Club เปรียบเสมือนแผนที่ทางธุรกิจ เพื่อให้นักธุรกิจได้รู้ว่า “การจะโตอย่างมีเป้าหมาย ต้องเริ่มจากอะไรบ้าง?”
สามารถสรุปสิ่งที่น่าสนใจจาก XL-Class ได้ดังนี้
- การเริ่มต้นกับ Co-founder ที่ใช่ คือจุดเริ่มต้นของธุรกิจที่แข็งแรง ดังนั้นต้องเลือกคนที่เสริมกันได้ ไม่ใช่แค่ถูกใจส่วนตัว รวมถึงต้องชัดเจนเรื่องบทบาทและระบบตั้งแต่ต้น
- ทีมที่แข็งแรงไม่ได้วัดแค่ตอนทำงาน แต่ต้องมี “ระบบ” ที่ดีเพื่อรองรับแม้ในวันที่ต้องขาดคนสำคัญ
- ข้อควรระวังในการเลือก Co-founder คือไม่ควรเอาครอบครัวเข้ามายุ่งกับธุรกิจ ถ้าระบบยังไม่ชัดเจน เพราะความเป็นครอบครัวอาจให้พลังใจ แต่ถ้าไม่มีระบบบริหาร จะกลายเป็นบ่อเกิดของปัญหาแทน ต้องแยกให้ชัดระหว่างเรื่องงานกับความสัมพันธ์ส่วนตัว
- อย่าเริ่มธุรกิจแค่คำว่า “อยากทำ” แต่ให้เริ่มจากคำถามว่า “ลูกค้ามี Pain Point อะไร?” เพราะแก้ปัญหาได้จริง คือรากฐานของธุรกิจที่ยั่งยืน เช่น Grab ที่ไม่ได้แค่เรียกรถ แต่เข้าใจชีวิตของ Grabber อย่างลึกซึ้ง
- ความสำเร็จไม่ได้มาจากแค่อยากทำ แต่ต้องมี “Passion” ที่แท้จริง พร้อมฝึกฝนจนกลายเป็น “กล้ามเนื้อแห่งความคิด” ด้วยการคิดเรื่องใหม่อย่างน้อยวันละ 1 เรื่อง
- Positive Attitude ทำให้ CEO มองเห็นโอกาสแม้ในสถานการณ์เล็ก ๆ รวมไปถึงการเปิดใจที่จะ Collaborate กับทีมและคนรอบข้างได้ดีขึ้น โดยเฉพาะคำพูดที่เป็นบวก จะช่วยสร้างเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน
- CEO ที่ดีต้อง “รู้ตัวเลข” และใช้ข้อมูลในการตัดสินใจได้ทันที เช่น สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับรายได้ หรือ cash flow ได้ทันที ไม่ใช่รอถามทีมบัญชี นอกจากนี้การใช้ Dashboard แบบ realtime เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามสถานการณ์และปรับกลยุทธ์ได้ทันเวลา
- CEO ต้องมองตลอดให้ทะลุ ด้วยการศึกษาข้อมูลเชิงกลยุทธ์ เช่น
– TAM >> Total Addressable Market (ตลาดรวมทั้งหมด)
– SAM >> Serviceable Available Market (กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เข้าถึงได้)
– SOM >> Serviceable Obtainable Market (ส่วนแบ่งตลาดที่คาดว่าจะได้จริง) - องค์กรที่ Scale ได้ดี ต้องมี Feedback Culture ที่แข็งแรง ผ่านโมเดล “I like/I wish” ช่วยให้ทีมกล้าพูด กล้าปรับปรุงอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการทำ One-on-One อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ช่วยให้เข้าใจลูกทีม เข้าใจ Pain Point และต่อยอดการพัฒนา
- นอกจากการทำ One-on-One สามารถทำ One-over-One ได้ด้วย โดยใช้ชุดคำถามเดียวกัน เพื่อเป็นการรับฟังเสียงของคนในทีม ไม่ใช่แค่ระดับ Head หรือ Manager เป็นการสร้างคุณค่า และกล้าแสดงความคิดเห็น
- ก่อนการ Feedback ควรทำ Ice-breaking จะช่วยลดแรงต้านและเปิดใจมากขึ้น
- ลูกค้าต้องรู้สึกว่า “ชนะ” เมื่อจ่ายเงินให้เรา เพราะสินค้าและบริการจะมีคุณค่าในสายตาลูกค้า ก็ต่อเมื่อพวกเขารู้สึกว่า “ได้มากกว่าที่จ่ายไป”
- ธุรกิจไม่ควรโตด้วย “แรงคน” อย่างเดียว แต่ควรโตด้วย “ระบบ” เช่น การใช้ Dashboard, ระบบ BOM คุมต้นทุนอาหาร, หรือการตั้ง SOP ให้ทุกอย่างรันได้เองแม้มีคนทำงานน้อย
- อยากขยาย ต้องสร้าง “ระบบที่ขยายได้” ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดสาขา หรือ แฟรนไชส์ ถ้าไม่มีระบบรองรับ ธุรกิจจะพังเร็ว ๆ พอกับที่มันโตเร็ว
- แต่ถ้าอยากเป็นระดับยูนิคอร์น ต้องมากกว่าคำว่า “Passion” หรือไอเดียลอย ๆ แต่เริ่มจากการแก้ “Pain Point” จริง หรือมี Purpose ที่จับต้องได้ เช่น Flash (จัดการค่าส่งให้ถูก + บริการถึงบ้าน)
- นักลงทุนไม่มีเวลามากพอที่จะให้เราอธิบายทุกสิ่งตั้งแต่แรก แต่สิ่งที่เราต้องทำคือต้องฝึก Pitch ให้พร้อม (30 วินาที/ 1 นาที/ 5 นาที) เพื่อทำให้เขาสนใจตั้งแต่วินาทีแรก โดยเล่าให้กระชับ น่าสนใจ และ “น่าลงทุน”
- คำเตือน: อย่าให้นักลงทุนถือหุ้นเกิน 40% เพื่อรักษา “สิทธิในการกำหนดทิศทาง” ของธุรกิจ
- ยังมีตลาดใหม่ที่กำลังเปิดอยู่เสมอ หรือบางตลาดที่เปิดไปแล้ว แต่ยังไม่มีเจ้าตลาด ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจที่เราจะเข้าไปแย่งส่วนแบ่งหรือทำตัวเองให้กลายเป็นเจ้าตลาดให้ได้
- สุดท้าย นักลงทุนมองหา “อนาคต” ไม่ใช่ “อดีต” ของธุรกิจ ดังนั้น เราต้องทำให้เห็นว่า ธุรกิจของเรามีศักยภาพในการเติบโตในอนาคตได้อย่างไร เช่น ขนาดตลาด, แนวโน้มผู้บริโภค หรือการ Scale เป็นต้น
บทเรียนจาก XL-Class คือภาพจริงของการทำธุรกิจยุคใหม่ ที่ไม่ได้มีแค่ “ไอเดียที่ดี” แต่ต้องมี Passion, Data, Mindset รวมไปถึงระบบและทีมที่แข็งแรง เป็นองค์ประกอบร่วมกัน การฟัง Feedback ให้มากขึ้น และกล้าที่จะ “คิดใหม่ทุกวัน” จะช่วยให้ธุรกิจไม่ย่ำอยู่กับที่ แต่พร้อมปรับตัวและ Scale อย่างมั่นคง
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER