การบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืนของคุณทิพพาภรณ์ เจียรวนนท์

ธุรกิจของคุณมีสิ่งใดที่สามารถตอบแทนสังคมได้บ้างหรือยัง?
ในการทำธุรกิจ ทุกคนต่างเร่งขับเคลื่อนเพื่อแข่งขันด้านนวัตกรรมและรายได้ แต่น้อยคนที่จะหยุดคิดถึงผลกระทบระยะยาวที่ตนเองและองค์กรมีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคุณ “บี-ทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์” เป็นหนึ่งในผู้นำองค์กรระดับประเทศ ที่ตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า “เราทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อคนอื่นพอแล้วหรือยัง” ซึ่งเป็นหัวใจที่เธอยึดมั่น และพิสูจน์ว่า ความสำเร็จในธุรกิจไม่ได้วัดแค่เพียงตัวเลขทางการเงินอย่างเดียว แต่สามารถวัดเป็นจำนวนชีวิตที่ดีขึ้นด้วยก็ได้
คุณบี เกิดในตระกูล “เจียรวนนท์” ครอบครัวนักธุรกิจระดับแถวหน้าของประเทศไทยที่มีบทบาทต่อเศรษฐกิจไทยมายาวนาน สิ่งที่เธอได้นอกจากการบริหารธุรกิจ คือ “หัวใจของการให้” จากพ่อของเธอ (คุณธนินท์ เจียรวนนท์) ที่มักจะเน้นย้ำกับลูก ๆ เสมอว่า “การทำธุรกิจต้องเป็นประโยชน์ต่อสังคม ไม่ใช่แค่แสวงหาผลกำไร” สิ่งนี้จึงกลายเป็นรากฐานให้กับเธอในการใช้ชีวิตและบริหารธุรกิจ
คุณบี เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท DTGO (D.T. Group of Companies) โดยวางโครงสร้างให้องค์กรให้เป็นการ “บูรณาการเรื่องของสังคมเข้าไปในระบบธุรกิจ” อย่างจริงจัง โดยมีจุดเด่นคือ การกันรายรับ 2% ของบริษัทไว้สำหรับกิจกรรมเพื่อสังคมโดยเฉพาะ ทั้งการสนับสนุนการศึกษา การดูแลสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาชุมชน จนสิ่งเหล่านี้กลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของบริษัท
ซึ่งคุณบี ตั้งใจทำให้ DTGO เป็นบริษัทที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่พนักงานทุกคนต้องคิดว่า ไม่ว่าเขาจะทำหน้าที่อะไร จะต้อง “เพิ่มคุณค่า” ให้กับสังคมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผ่านสโลแกน “Adding Value in Everything We Do” ซึ่งกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบประเมินผลของพนักงาน การจัดสรรรทรัพยากร และกลยุทธ์ขององค์กร และเธอเน้นย้ำเสมอว่า “องค์กรไม่ควรแยกธุรกิจกับความดีออกจากกัน”
นอกจากนี้ คุณบี ยังเป็นผู้ก่อตั้ง “มูลนิธิพุทธรักษา” โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ขาดโอกาสทางการศึกษา ผ่านการให้ทุนการศึกษาแบบระยะยาว หรือ “ตลอดชีวิต” ส่งผลให้เด็กหลายพันคนได้รับโอกาสในการเติบโตไปเป็นคนคุณภาพของสังคม การทำมูลนิธิของเธอ จึงสะท้อนให้เห็นว่า ไม่ใช่เพียงแค่การตั้งใจทำในสิ่งที่ดี แต่ตั้งใจทำให้สิ่งนี้กลายเป็น “ระบบ” เพื่อความยั่งยืน
และอีกหนึ่งสิ่งที่คุณบีได้ทำร่วมกับ ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ (สามี) คือการก่อตั้ง “สมาคมบลูคาร์บอนโซไซตี้” (Blue Carbon Society) เพื่อมุ่งเน้นการฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะแนวป่าชายเลนที่ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูง สมาคมจึงกลายเป็นกลไกที่ผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และการรณรงค์เชิงสร้างสรรค์ผ่านสื่อและสารคดี เพื่อยกระดับการรับมือกับ Climate Change และ แนวคิด ESG ในประเทศไทย
อีกหนึ่งบทบาทที่โดดเด่นของคุณบีคือ การขับเคลื่อน MQDC (Magnolia Quality Development Corporation) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เธอก่อตั้ง โดยเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เน้น “ความยั่งยืน” เป็นหัวใจของทุกโครงการ หนึ่งในเรือธงคือโครงการ “The Forestias” ซึ่งผสานวิทยาศาสตร์การอยู่อาศัย การวิจัย และธรรมชาติเข้าด้วยกัน พร้อมจัดตั้งศูนย์ RISC (Research & Innovation for Sustainability Center) และ FutureTales Lab เพื่อคิดค้นนวัตกรรมการใช้ชีวิตในอนาคตอย่างรอบคอบ ทั้งด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม
ผลการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมของคุณบี คือการได้รับรางวัลระดับสากลต่าง ๆ มากมาย เช่น ASEAN Women Entrepreneur (AWEN) และ PropertyGuru Icon Award เป็นต้น รางวัลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า “การให้” ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้และสามารถวัดผลได้ในระดับโลก โดยเฉพาะโครงการต่าง ๆ ที่เธอผลักดันผ่าน DTGO และ MQDC ซึ่งเน้นการอยู่ร่วมกันของคน ชุมชน และธรรมชาติในระยะยาว
เรื่องราวของคุณบี เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า การสร้างองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยการทำดีเพื่อสังคม ไม่ได้ทำให้ธุรกิจชะลอตัว แต่กลับสร้างความยั่งยืนในระยะยาวที่จับต้องได้ โดยเธอเน้นย้ำเสมอว่า ธุรกิจต้องมองคุณค่าทางสังคมเป็น “การลงทุน” ไม่ใช่ “ภาระ” นอกจากนี้ “คุณภาพขององค์กร” ไม่ได้วัดจากผลกำไรหรือชื่อเสียงเท่านั้น แต่วัดจากผลกระทบเชิงบวกที่องค์กรมีผู้คนและโลกใบนี้
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– https://www.dtgo.com/th/about/management
– https://www.bangkokpost.com/specials/women-of-the-year-2024/detail/story_thippaporn
– https://mqdc.com/business