Kaniva: แบรนด์อาหารแมวและสุนัขไทย ยอดขายพันล้านใน 5 ปี

0
อาหารแมวคุณภาพ อาหารสุนัขไทย แบรนด์อาหารสัตว์ Kaniva อาหารสัตว์ อาหารสัตว์พรีเมียม premium cat food dog food brand Thai pet food Kaniva pet nutrition quality pet food


ในวันที่ “แมว” ไม่ได้เป็นแค่สัตว์เลี้ยง แต่กลายเป็นสมาชิกในครอบครัวของใครหลายคน ซึ่งตามมาด้วยการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา แต่ “สิ่งที่ดีที่สุดคืออะไร?” เป็นคำตอบที่ไม่ง่าย โดยเฉพาะเมื่อคนขายอยากขายของ คำตอบจึงเป็น “ยี่ห้อไหนแพง ยี่ห้อนั้นแหละดี” — นั่นคือคำตอบที่เป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์อาหารแมวและสุนัข ที่ทำยอดขายได้หลักพันล้าน โดยใช้เวลาเพียงแค่ 5 ปี


ย้อนกลับไปก่อนจะเป็น “Kaniva” คุณจารุวัฒน์ เลาหวิศิษฏ์ เป็นเพียงหนึ่งใน “พ่อแม่แมวมือใหม่” ที่ต้องการหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับน้องแมว แต่หาคำตอบไม่ได้ว่า “อาหารที่ดี” คืออะไร จึงไปหาคำตอบที่ “Pet Shop” แต่กลับได้คำตอบง่าย ๆ ว่า “ยี่ห้อไหนแพง ก็ดีทั้งนั้น” คำตอบนี้เป็นสิ่งที่จุดประกายให้กับเขาในการเริ่มต้นทำธุรกิจ


จากคำตอบนั้น นำมาซึ่งการเริ่มต้นทำธุรกิจ ด้วยการเปิด “Pet Shop” แต่ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อการขายเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อเป็น “Education Hub” ที่ให้ความรู้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยง เพราะสิ่งที่คนเลี้ยงสัตว์ต้องการ ไม่ใช่แค่ “สินค้า” แต่เป็น “คำแนะนำที่เชื่อถือได้” เพื่อให้พวกเขาเข้าใจสัตว์เลี้ยงของตัวเองมากขึ้น


เมื่อในตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรงและสินค้าเหมือนกันแทบทุกเจ้า สิ่งที่แบรนด์ต้องมีคือ “ความแตกต่าง” ซึ่งสำหรับคุณจารุวัฒน์ ใช้ความแตกต่างจาก “ความเข้าใจ” ลูกค้า และใส่ใจใน Pain Point ของลูกค้า จึงเป็นที่มาของการให้อาหารสัตว์แบบถุงเล็ก ๆ ฟรี เพื่อให้นำอาหารไปให้สัตว์เลี้ยงลองทานว่าชอบหรือไม่ เพื่อไม่ใช้ลูกค้าต้องเสียเงินซื้อแพ็คใหญ่ไปแล้วสัตว์เลี้ยงไม่ชอบ


เมื่อความเข้าใจและความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงเริ่มชัดเจนขึ้นมา คำถามที่เคยตั้งไว้กับตัวเองว่า “ของดีต้องแพงเสมอไปหรือไม่?” คุณจารุวัฒ์ จึงต่อยอดจาก “Pet Shop” ไปสู่การสร้างแบรนด์อาหารสัตว์เป็นของตัวเอง นั่นคือจุดเริ่มต้นของแบรนด์ “Kaniva” แบรนด์อาหารแมวและสุนัขสัญชาติไทย ที่เริ่มจากความไม่รู้ จนสร้างยอดขายหลักพันล้านได้ภายใน 5 ปี


แต่การสร้างแบรนด์เป็นยิ่งที่ยาก โดยเฉพาะเมื่อเป็น “แบรนด์คนไทย” ที่ต้องไปแข่งขันกับแบรนด์ต่างชาติในประเทศของตัวเอง ทั้งที่วัตถุดิบจากไทยกลับไปอยู่ในอาหารนำเข้าราคาแพง คุณจารุวัฒน์ตั้งคำถามว่า “ถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำ?”


“Kaniva” เริ่มต้นด้วยทีมที่มีเพียง 5 คน และในฐานะเจ้าของก็ต้องลงมือทำในทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นการแพ็คของไปจนถึงลงพื้นที่ขายของด้วยตัวเอง เพื่อพิสูจน์ความตั้งใจในการสร้าง “สินค้าที่ดี” ต้องเป็นมากกว่าการโฆษณา แต่มันต้องทำให้พนักงาน เซลล์ รู้สึกได้ว่ามัน “ดีจริง” รวมถึงลูกค้า


กลยุทธ์สำคัญที่ช่วยทำให้ Kaniva เติบโตอย่างรวดเร็วคือ การเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะมาจากการพูดคุย, Focus Group, Social Listening รวมไปถึงการใช้กับแมวที่ตัวเองเลี้ยง จนทำให้รู้ว่า แม้สัตว์เลี้ยงจะพูดไม่ได้ แต่พฤติกรรมของพวกเขา บอกบางอย่างกับเราได้เสมอ


เมื่อถึงช่วงวิกฤตโควิด-19 เป็นช่วงที่หลายแบรนด์ต้องลดค่าใช้จ่าย แต่คุณจารุวัฒน์ กลับมองอีกมุมหนึ่งว่าเป็นช่วงที่ทำให้ต้นทุนหลาย ๆ อย่างต่ำลง จึงเลือกตัดสินใจลงทุนกับการทำ “Music Marketing” และสร้างการรับรู้แบรนด์อย่างมหาศาลในเวลาที่คนส่วนใหญ่มองว่า “ไม่ควรเสี่ยง”


แม้ในวันนี้ Kaniva จะมียอดขายพันล้านต่อปี แต่คุณจารุวัฒน์ยืนยันว่า “เราไม่ใช่แบรนด์ใหญ่” เพราะหากคิดว่าตัวเองเป็นแบรนด์ใหญ่เมื่อไหร่ เราจะหยุดพัฒนา และสูญเสียความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นจุดแข็งของแบรนด์ รวมถึงความใกล้ชิดกับลูกค้าด้วยเช่นกัน


อนาคตของ “Kaniva” ต้องการเป็นมากกว่าแบรนด์อาหารสัตว์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของความเข้าใจและใส่ใจต่อสัตว์เลี้ยงอย่างแท้จริง โดยมุ่งเติบโตอย่างมั่นคงทั้งในและต่างประเทศ โดยเน้นไปที่ความร่วมมือและการเติบโตไปพร้อมกันกับพาร์ตเนอร์ มากกว่าจำนวนสาขาในต่างประเทศ และสุดท้ายต้องการให้คนมองสัตว์เลี้ยงเป็นหนึ่งในสมาชิกในครอบครัวมากขึ้น


เรื่องราวของ Kaniva จึงไม่ใช่เพียงแค่การสร้างแบรนด์ แต่เป็นการตอบโจทย์ “Pain Point” พร้อมความเข้าใจลูกกค้า และกล้าที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้ตลาดที่เคยคิดว่า “แบรนด์ไทยสู่แบรนด์ต่างชาติไม่ได้”


เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
https://youtu.be/t3II_vyRXqg?si=p-Tqh90EK5fDl5QP

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *