ทำไม Bluebik ถึงเติบโตเร็ว? แรงบันดาลใจจาก พชร อารยะการกุล

หลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “คนไทย ถ้าตั้งใจแล้ว ก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก” แต่สำหรับเขาคนนี้ ไม่ใช่แค่การไม่แพ้ แต่ต้องการชัยชนะ โดยก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษามาเพื่อแข่งขันกับบริษัทระดับโลก ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นอกจากจะสามารถทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักได้แล้ว ยังสามารถนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ด้วยเช่นกัน และในปัจจุบัน บริษัทก็มี Market cap อยู่ที่ 7.3 พันล้าน
เขาเรียนจบระดับปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบการศึกษา ก็ได้เริ่มงานในบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก แล้วเกิดความสนใจเกี่ยวกับการทำธุรกิจ จึงตัดสินใจไปเรียนต่อ MBA ที่ Northwestern University และหลังจากเรียนจบ ก็กลับไปทำงานบริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์
ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาที่โด่งดังที่สุดในโลก มีอยู่ 3 บริษัท ได้แก่
– McKinsey & Company
– Boston Consulting Group (BCG)
– Brain & Company
การที่จะเข้าไปทำงานที่บริษัทเหล่านี้ ถือเป็นเรื่องยากและท้าทาย เนื่องจากในแต่ละปี จะรับคนเข้าไปทำงานเพียงไม่กี่คน แต่คนที่สนใจจะเข้าไปทำงาน เป็นหลักพันคน หรือเทียบเป็นอัตราส่วน คือ 1:1000 นอกจากจะรับคนเข้าไปทำงานน้อยแล้ว กระบวนการรับคนเข้าไปทำงาน จะเป็นการได้รับโจทย์มา เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาในโจทย์ ๆ นั้น
หลังจากเขาได้เข้าไปทำงานในบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งเป็นแหล่งรวมคนเก่ง ๆ ทำให้เขารู้ว่า “คนเก่ง” จะมีความฉลาดเป็นพื้นฐาน โดยความเก่งและความฉลาด สามารถสร้างได้ ไม่ใช่มาจากพรสวรรค์ทั้งหมด เพราะการที่คนเหล่านี้เก่งและฉลาดได้ เขาก็แลกมากับหลาย ๆ สิ่ง ซึ่งไม่ต้องแปลกใจ หากจะได้ยินมาว่า คนเหล่านี้ทำงาน 80-100 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
[คำถามชวนคิด] หากคุณเป็นเจ้าของบริษัท คุณคิดว่าการทำงาน 100 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จะส่งผลอย่างไรต่อองค์กร?
แต่การทำงานมากขนาดนี้ ก็อยู่ภายใต้การทำงานแบบ “Work smart” นั่นคือ ทำงานเยอะ ก็ต้องมี Efficient และ Productive เพื่อสร้าง Output ให้ได้มากที่สุด และอีกหนึ่ง Culture ที่จะต้องเจอคือ Early deliverable นั่นคือการทำงานให้มี Output ออกมาก่อน ไม่ต้องรอให้ถึงเดดไลน์
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เรื่องของ Digital transformation กำลังเริ่มได้รับความสนใจ ด้วยความที่เขามีทักษะด้านเทคโนโลยีที่จบมา บวกกับทักษะด้านที่ปรึกษา ซึ่งคนที่จะมีทั้งสองทักษะนี้ในคนเดียวกันมีน้อย จึงมองเห็นโอกาสและจุดแข็งของตัวเอง จึงตัดสินใจลาออก หลังจากการทำงานอยู่ BCG ได้ 3 ปี จากนั้นจึงชวนเพื่อนสนิทมาร่วมกันก่อตั้งบริษัท
ในวงการด้านดิจิทัล น้อยคนที่จะไม่รู้จัก หากพูดถึงบริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “Bluebik” ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาเกี่ยวกับการทำ Digital transformation เพื่อช่วยให้องค์กรปรับตัว ตั้งแต่กลยุทธ์ ไปจนถึงระบบปฏิบัติการในองค์กร ให้ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น
แต่นอกจากธุรกิจหลักที่ทำอยู่ ก็มีการขยายออกไปในธุรกิจอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำ Software platform ให้กับองค์กร เช่น ระบบ HR, ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) เป็นต้น รวมไปถึงการทำ Corporate training
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ในช่วงแรก ๆ การหาลูกค้ายากมาก เพราะนอกจากเป็นบริษัทที่ใหม่ โมเดลธุรกิจก็เป็นแบบ B2B (Business-to-Business) ซึ่งในช่วงแรกก็ต้องไปขอเป็น Subcontract กับบริษัทอื่น ๆ ก่อน เพื่อสร้างโปรไฟล์บริษัท แต่นอกจากการหางานที่ยากแล้ว การหาคนเข้ามาทำงานด้วย ก็ยากเช่นกัน
จุดเปลี่ยนที่ทำให้บริษัทค่อยๆเติบโตมา เพราะมองเห็นกลุ่มลูกค้าที่บริษัทใหญ่เข้าไม่ถึง หรือปัญหาใหญ่ ๆ ที่เกิดกับองค์กรขนาดเล็ก ที่บริษัทใหญ่ลงมาทำแล้วไม่คุ้มค่า ด้วยความสามารถของบริษัท จึงจับตลาดในกลุ่มนี้ แล้วสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ากลุ่มนี้ได้
เมื่อจับลูกค้าได้ถูกกลุ่มและสามารถแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้ ก็ทำให้บริษัทค่อยๆเติบโต จนในปี 2021 ก็สามารถพาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ ทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัท และมองเห็นโอกาสในการเติบโตในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่ปรึกษาหรือบริษัทใด ๆ ก็ตาม เรื่อง “คน” ถือเป็น Asset หลักของบริษัท เพราะไม่ว่าจะทำสิ่งใด พัฒนาอะไร สุดท้ายก็ต้องเป็นคนที่ตัดสินใจ ดังนั้นเรื่องคน ก็เป็นเรื่องที่ทุกบริษัทควรให้ความสำคัญ สำหรับที่ Bluebik แม้ขนาดองค์กรจะสู้บริษัทระดับโลก แต่สิ่งที่สามารถดึงดูดคนเก่ง ๆ ให้มาทำงานด้วยได้ คือ โอกาสในการเติบโตที่สูง
และปัจจุบัน ได้เริ่มบุกต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งก็ต้องมองหาจุดแข็งและความได้เปรียบของบริษัทให้เจอ หนึ่งในนั้นการในบริษัทก็ได้รวมคนที่เก่ง ๆ จากบริษัทระดับโลกไว้หลายคน ซึ่งคนเหล่านั้นก็มีเครือข่าย คนรู้จัก และฐานลูกค้า
ซึ่งทั้งหมด เป็นเรื่องราวของคุณโบ๊ท-พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งความฝันอีก 10 ข้างหน้า ในฐานะ CEO อยากให้บริษัทสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก และอยากให้บริษัทเป็นแบบบริษัทระดับโลกได้จริง ๆ แม้ตอนนี้ยังไม่มีหนทางที่ชัดเจน ก็ต้องลองผิดลองถูกไป จะรอให้ค้นพบเส้นทางที่ดีที่สุด คงจะไม่ได้เริ่มทำสิ่งใด
“คำตอบ เป็นการตอบของคำถาม
แต่คำถาม เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
ถ้าไม่มีจุดเริ่มต้น ก็ไม่มีจุดหมายปลายทาง”
-พชร อารยะการกุล-
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– https://youtu.be/zz0MfAB9cFk?si=EoGbUTprn3hdB_8C
– https://youtu.be/RypZYaRo5d0?si=OG5hNcDyPYWpz9Tq
– https://forbesthailand.com/people/thriving-30s/