กลยุทธ์ AP Thai สร้างยอดขายโตแม้เศรษฐกิจซบเซา
ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ซบเซา อัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้น หนี้ครัวเรือนพุ่งทะยาน ทำให้หลายบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญกับวิกฤตในครั้งนี้ แต่ก็มีบางแบรนด์ที่ยังยืนหยัดและสามารถเติบโตได้ และ AP Thai คือหนึ่งในนั้น ที่สามารถเติบโตท่ามกลางวิกฤต สร้างยอดขายได้ถึง 47,125 ล้านบาทในปี 2567 และสร้างกำไรสุทธิถึง 5,020 ล้านบาท สิ่งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่เป็นเรื่องของ “กลยุทธ์” “ความเข้าใจคน” และ “วินัยทางการเงิน” ที่ขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างมั่นคง
ย้อนกลับไปในช่วงวิกฤตโควิด-19 หลายบริษัทก็ล้วนพบเจอกับวิกฤต แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ก็เลือกที่จะเร่งพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ออกมาเพื่อหวังยอดขาย แต่ AP กลับเลือกทำสิ่งที่ตรงกันข้าม ในปี 2563 พวกเขาลดการเปิดตัวโครงการใหม่ และเน้นบริหารโครงการเดิมอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีรายได้ที่เติบโตขึ้นอย่างไม่คาดคิด สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า กลยุทธ์ที่ดีไม่จำเป็นต้องหวือหวา แต่ต้องสอดคล้องกับความจริงของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค
ในปีต่อมา สถานการณ์ดูเหมือนจะดีขึ้น ผู้พัฒนาอสังหาฯ หลายรายแห่กันเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก ทำให้ supply ล้นตลาดอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ไม่เพิ่มขึ้นตามคือ demand หรือความต้องการซื้อจริง โดยเฉพาะกลุ่มคนจีนที่เคยเป็นกำลังซื้อหลักก็หายไปจากตลาด ผลลัพธ์คือหลายบริษัทเริ่มสะดุด ขาดทุน และมีสินค้าค้างสต็อกมหาศาล กลายเป็นต้นทุนแฝงที่กัดกินผลกำไร ขณะที่ AP ยังคงดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบ ยึดหลักวินัยทางการเงินและใช้ข้อมูลนำการตัดสินใจ
ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของ คุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้คุณอนุพงษ์ยังมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า บริษัทต้องมี “Vision” และ “Mission” ให้คนในองค์กรเดิน และต้องมี Strategy เพื่อให้คนในองค์กรรู้ว่าต้องเดินยังไง จนกลายมาเป็น Vision ที่ใช้มาจนถึงทุกวันนี้คือ “ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้” และมี Mission คือ “ในฐานะผู้นำธุรกิจ เราจะไม่หยุดนิ่งที่จะสร้างและจัดหาสินค้าหรือบริการที่เกื้อหนุนให้ลูกค้า รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท สามารถที่จะมีชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ในแบบที่ต้องการ” ทั้งหมดสะท้อนออกมาในวัฒนธรรมองค์กรที่ชื่อว่า “Independent Responsible Leader”
เบื้องหลังความสำเร็จของ AP ยังมีสิ่งที่เรียกว่า 2P2S คือ People, Process, Structure และ System ที่เป็นเสาหลักในการบริหารธุรกิจ ทั้งหมดนี้ถูกหลอมรวมเข้ากับ “วินัยทางการเงิน” จนทำให้ AP มี Net Debt to Equity Ratio ที่ไม่เกิน 1.00 ซึ่งกลายเป็นเกราะป้องกันบริษัทจากความผันผวนในตลาด และเป็นเหตุผลที่ทำให้ AP สามารถขยายตัวและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ทำให้ในปี 2568 AP วางแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ถึง 42 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 65,000 ล้านบาท เพื่อรองรับเป้ายอดขายที่ 55,000 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของยอดขายเท่านั้น แต่เป็นกลยุทธ์ที่มาจาก “ข้อมูล” โดยผู้บริหารเชื่อว่าการเติบโตต้องมาจากข้อมูลที่ถูกต้อง การมีทีมหน้าบ้านที่เข้าใจลูกค้า และระบบที่เกื้อหนุนให้ทุกแผนที่วางไว้สามารถเกิดขึ้นได้จริง
แม้จะอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง แต่ AP ไม่ได้แข่งขันด้วย “ราคา” และ “โปรโมชั่น” เพียงเท่านั้น แต่มีกลยุทธ์สำหรับปี 2568 คือ “สร้างที่สุด…ให้ชีวิตดีที่สุด” ถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อน DNA สำคัญ ได้แก่ Diversity & Desires, Craft Space & Design และ Elevation & Intuitive Living ซึ่งครอบคลุมทั้งความหลากหลายของลูกค้า ความละเอียดในการออกแบบ และการสร้างชีวิตที่ง่ายขึ้นผ่านนวัตกรรมที่ใช้งานได้จริง
ในมุมของการบริหารความเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็นกับลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น หรือพนักงานของ AP ใช้ความมั่นคงทางการเงินเป็นรากฐานในการสร้าง Trust และยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลาม ทั้งจากตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในระบบ และความพร้อมในการเข้าถึงแหล่งทุนที่หลากหลาย ทำให้ AP สามารถวางกลยุทธ์ระยะยาวได้อย่างมั่นใจ พร้อมที่จะเดินฝ่าพายุได้ด้วยความพร้อมที่มีอยู่
วิกฤตไม่เคยปรานีใคร แต่ก็ไม่เคยไร้ทางออกเสมอไป เพราะ AP Thai แสดงให้เห็นแล้วว่า ความเข้าใจ ความมีวินัย และความใส่ใจในคุณค่าของคน คือหัวใจหลักที่ทำให้องค์กรอยู่รอดและก้าวต่อไปแม้ยามพายุซัดกระหน่ำ รวมไปถึงการวางรากฐานให้สามารถเติบโตในระยะยาว ผ่านการวางกลยุทธ์ เข้าใจตลาด เข้าใจคน และเข้าใจตัวเอง
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– https://investor.apthai.com/th/corporate-info/profile
– https://youtu.be/OWD7PCAj9LY?si=hVfYOrTbOW3knepT
