ลงทุนรถคลาสสิกอย่างไรให้ได้กำไร?

หากพูดถึงมูลค่าของรถยนต์ ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าราคาถูกลงทันทีตั้งแต่ขับออกมาจากโชว์รูม แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่ายังมีรถยนต์อีกกลุ่มหนึ่งที่มูลค่าของมันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรถที่มีประวัติหรือเรื่องราวเฉพาะ รถที่คนให้ความสนใจก็คือกลุ่ม “รถยนต์คลาสสิค”นั่นเอง
หนึ่งในผู้ที่มีความหลงใหลในรถคลาสสิคแล้วสามารถแปลงจากความหลงใหลมาเป็นการลงทุนได้ นั่นคือ คุณบรรณ เกษมทรัพย์ เลขาธิการสมาคมรถคลาสสิค ประเทศไทย และผู้ก่อตั้ง Bangkok Classic Car โดยมีจุดเริ่มต้นและความหลงใหลในรถยนต์มาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากทุกครั้งที่ไปโบสถ์ในวันอาทิตย์กับคุณแม่ ก็จะได้รถของเล่นเป็นรางวัล
รถคลาสสิค (Classic Car) สำหรับแต่ละคนให้นิยามแตกต่างกัน บางกลุ่มหรือคนส่วนใหญ่มองว่ารถที่อายุมากกว่า 25 ปีเป็นต้นไป สำหรับคุณบรรณมองว่าสามารถแบ่งรถยนต์เก่า เป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่ม “รถยนต์โบราณ” (Vintage Car) ก่อนยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีลักษณะคล้ายรถม้าคือมีล้อเกวียน ไฟหน้าตะเกียงลอย ส่วนกลุ่ม “รถคลาสสิค” (Classic Car) จะนับหลังสงครามจากปี 1950 เป็นต้นมาการออกแบบรถยนต์ที่เริ่มนำไฟหน้ารถยนต์เข้าไปอยู่ในตัวถังรถ แต่นอกจากอายุ ก็ต้องมีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ด้วยเช่นกัน
ซึ่งรถคลาสสิคก็มีคุณค่าหลัก ๆ อยู่ 2 ประการ คือ คุณค่าทางใจ และมูลค่าของรถยนต์เอง โดยส่วนตัวแล้วเดิมทีไม่ได้มองการเล่นรถเป็นการลงทุนตั้งแต่แรก แต่เล่นรถคลาสสิคเพราะใจรักเป็นงานอดิเรกที่ทำให้เรามีความสุขเท่านั้น ส่วนมูลค่าที่เพิ่มขึ้นนับเป็นผลพลอยได้ ก่อนจะเลือกสะสมสิ่งใด โดยเฉพาะรถคลาสสิคคนที่จะสะสมก็ต้องศึกษาข้อมูล และถามใจตัวเองว่าชอบรถแบบไหน นอกจากนั้นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญเมื่อจะซื้อรถคลาสสิคคือรถไม่ได้อยู่ที่ราคารถเพียงอย่างเดียว เมื่อซื้อมาแล้วต้องมีการกันเงินอีกส่วนเพื่อบูรณะให้รถอยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกก้อนหนึ่งด้วย
สำหรับคุณบรรณเองเล่าว่าเนื่องจากเกิดที่ประเทศเยอรมัน เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเริ่มสนใจรถคลาสสิกก็มองรถเยอรมันก่อน โดยเริ่มที่รถเบนซ์หางปลา w111 ที่มีเอกลักษณ์โดเด่น จึงทำการศึกษาข้อมูลและตามหาว่ามีอยู่ที่ใด วันนั้นพบว่ามีคันนึงอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ คิดว่าจะซื้อถ้าขับกลับบ้านได้ เห็นว่ารถขับได้จึงตัดสินใจซื้อและนำกลับมาดูแลซ่อมแซม
หลังจากทำการบูรณะจนสวยงามเป็นที่พอใจ ก็มีเพื่อนฝูงสนใจจึงขายส่งต่อไปในราคาที่สามารถต่อยอดไปเล่นรถในรุ่นอื่นเพื่อนำกลับมาบูรณะต่อไป ซึ่งรถคันที่คุณบรรณเคยขายไปแล้วมีมูลค่าสูงที่สุดคือ “Porsche 911 Horngrill (1972)” เป็นรถปีพิเศษที่พยายามบูรณะให้ดีที่สุดโดยใช้เวลาในการบูรณะ 6 ปี ผมว่าผมชอบและหลงไหลขั้นตอนในการบูรณะรถคลาสสิค ที่ได้ทั้งการค้นคว้า หาอะไหล่ และทำให้รถเก่าสามารถกลับมาโลดแล่นได้เหมือนตอนเค้าออกจากโชว์รูมมาใหม่ๆ
สิ่งที่ทำให้เปลี่ยนแพสชั่นให้กลายเป็นมูลค่าได้ สำหรับคุณบรรณเริ่มจากความหลงใหลในเสน่ห์ของรถยนต์คลาสสิค เมื่อนำรถมาบูรณะแล้ว ก็สามารถส่งต่อไปให้กับผู้ที่เห็นถึงคุณค่าเช่นเดียวกัน และที่สำคัญก็คือการได้เพื่อนจากการเล่นรถคลาสสิค ตาม Motto ส่วนตัวที่ว่า ”If you love classic cars, you’re my friend.“
สุดท้ายคุณบรรณ ให้คำแนะนำสำหรับคนที่จะลงทุนในรถคลาสสิก คือ
(1) ถามใจตัวเองก่อนว่าชอบรถแบบไหน และชอบจริงจนถึงหลงใหลหรือไม่ เพราะแท้จริงแล้ว หากเทียบกับการลงทุนในสิ่งอื่นรถคลาสสิกขายออกไม่ง่ายนัก ต้องหาเจ้าของที่ถูกฝาถูกตัวพอควร ให้พึงระลึกไว้เสมอว่าไม่สามารถเปลี่ยนรถเป็นเงินได้ทันที
(2) สำหรับท่านที่สนใจจะซื้อรถเพื่อการลุงทุนหรือเล่นรถแล้วไม่ให้เจ็บตัวมากนักก็ต้องเลือกดีๆ ตัดสินใจซื้อจากความชอบของเราอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องทำการศึกษารถรุ่นต่างๆ ว่ามีคนชอบหรือเป็นที่นิยมในตลาดหรือไม่ด้วย
(3) สำหรับมือใหม่ที่สนใจจะเลือกซื้อรถเก่าคลาสสิคสักคัน อยากแนะนำให้ซื้อรถที่เคยบูรณะมาแล้วระดับหนึ่ง หรือเป็นรถที่พอวิ่งใช้งานได้ แล้วเรานำมาซ่อมแซมเพียงแค่บางจุดเพื่อได้รถคลาสสิคที่สวยงามตามสไตล์เรา แทนที่จะซื้อซากมาบูรณะเพราะอาจจะทำไม่จบ ทั้งเสียเงินเสียเวลาและหมดอยาก เลิกเล่นไปเลยก็มี
“สำหรับผม Classic Car ทำให้เราได้เรียนรู้ ต้องศึกษาค้นคว้า ได้ความละเอียด พร้อมๆ กับความพยายามจากการบูรณะรถคันใดคันหนึ่งให้สมบูรณ์ที่สุด และได้เพื่อนคอเดียวกันจากสังคมคนรักรถยนต์คลาสสิคที่หลากหลายไปในตัวอีกด้วยครับ”
– บรรณ เกษมทรัพย์ –
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– https://praew.com/luxury/celeb-style/433851.html
– https://youtu.be/4030v8ln4NQ?si=GYXxYEVwTP34ZP8_
– https://mgronline.com/motoring/detail/9480000085355