Otteri Wash & Dry: ร้านสะดวกซักที่เปลี่ยนธุรกิจซักผ้าในไทย

0
Otteri Wash & Dry Laundry franchise Self-service laundry Lazy economy trend Industrial washing machine ร้านสะดวกซัก Otteri แฟรนไชส์ซักผ้า เศรษฐกิจแห่งความขี้เกียจ ลงทุนธุรกิจซักผ้า ซักผ้าด้วยเครื่องอุตสาหกรรม


ในยุคที่โลกหมุนไปด้วยความรวดเร็ว เวลาจึงเป็นทรัพยากรที่มีค่ามาก ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ จึงต้องสะดวก ง่าย และรวดเร็ว ซึ่งหนึ่งในกิจวัตรที่หลาย ๆ คนต้องทำคือการซักผ้า จึงเป็นที่มาของธุรกิจ “ร้านสะดวกซัก” ที่เข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะคนที่ทำงานอยู่ในเมือง


ร้านสะดวกซัก ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการทำความสะอาดเสื้อผ้า แต่เป็นเรื่องของ “เวลา” ที่คืนให้กลับหลาย ๆ คนที่เมื่อก่อนต้องเสียไป ซึ่งหนึ่งในแบรนด์ที่เข้ามาพลิกโฉมธุรกิจนี้ ก็คือ “Otteri Wash & Dry” ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ร้านซักผ้าธรรมดา แต่เป็นแบรนด์ที่เข้าใจลูกค้า และสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่การออกแบบร้าน ไปจนถึงเครื่องซักผ้าที่มีคุณภาพระดับอุตสาหกรรม ที่ช่วยให้การซักผ้า ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ซึ่งแตกต่างจากร้านซักผ้าหยอดเหรียญแบบเดิม ๆ


หากย้อนกลับไปในจุดเริ่มต้นของร้านสะดวกซักในแถบ Southeast Asia มีจุดเริ่มต้นในประเทศสิงคโปร์ เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ก่อนจะขยายไปสู่ประเทศมาเลเซีย และในที่สุดก็เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งสัดส่วนประชากรต่อร้านสะดวกซักอยู่ที่ประมาณ 7,000 คนต่อ 1 สาขา หากคิดตัวเลขแบบเร็ว ๆ เทียบกับประชากรไทย 70 ล้านไทย นั่นหมายความว่า ควรมีร้านสะดวกซักมากถึง 10,000 สาขา แต่ในปัจจุบันมีอยู่ไม่เกิน 5,000 สาขา สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก


Otteri Wash & Dry กำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2555 โดยคุณกวิน นิทัศนจารุกุล ในฐานะผู้ก่อตั้ง โดยเริ่มต้นจากเงินลงทุน 4 ล้านบาท ที่ขอจากคุณพ่อ โดยเริ่มจากการนำเข้าเครื่องซักผ้าอุตสาหกรรม จากนั้นจึงค่อย ๆ พัฒนามาเป็นร้านสะดวกซัก โดยในช่วงแรก ใช้ชื่อว่า “Koin Laundry” แต่แค่ระยะเวลา 3 เดือน ก็ต้องปิดตัวลง เนื่องจากเลือกกลุ่มลูกค้าและโลเคชันผิด ทำให้ต้องกลับไปศึกษาเรียนรู้ใหม่ และกลับมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2559 ด้วยแบรนด์ Otteri 


จุดเปลี่ยนแรกของ Otteri คือการขยายสาขาด้วยโมเดลแบบ แฟรนไชส์ เนื่องจากการเปิดร้านสะดวกซัก 1 สาขา ต้องใช้เงินลงทุนหลักล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากหากต้องการขยายพร้อม ๆ กันหลายสาขา แต่โมเดลแฟรนไชส์ ทำให้สามารถเปิดสาขาใหม่ได้ โดยใช้เงินจากค่าแฟรนไชส์ของนักลงทุนรายอื่น ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว


ความสำเร็จของ Otteri มาจากกลยุทธ์การตลาดและการวิจัยตลาด (Market Research) โดยคุณกวิน ก็ใช้การศึกษาและเรียนรู้จากการเดินทางไปที่สิงคโปร์และมาเลเซีย เพื่อศึกษาแนวทางการเติบโต ศึกษาคู่แข่ง และเรียนรู้จากความผิดพลาดจากทั้งของคนอื่นและของตัวเอง จากนั้นค่อย ๆ ปรับให้เข้ากับตลาดในประเทศไทย


และจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2565 ที่ได้รับเงินลงทุนจากบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่เข้าซื้อหุ้น 40% คิดเป็นมูลค่า 1,100 ล้านบาท ทำให้ Otteri มีมูลค่าประเมินในขณะนั้นคือประมาณ 2,700 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบัน Otteri มีสาขามากกว่า 1,000 สาขา โดยมีลูกค้ามาใช้บริการประจำเกือบ 150,000 คน


และหากวิเคราะห์พฤติกรรมของคนที่ต้องซักผ้าในปัจจุบัน สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ซักผ้าเองที่บ้าน, ใช้บริการร้านซักรีด และซักที่ร้านสะดวกซัก ซึ่งกลุ่มที่กำลังเติบโต คือกลุ่มที่ 3 เพราะคนเริ่มมองว่า ร้านสะดวกซักตอบโจทย์การซักผ้ามากกว่า ทั้งในเรื่องของคุณภาพ ความสะอาดของเครื่อง และสามารถซักผ้าขนาดใหญ่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าห่ม ตุ๊กตา หรือหมอน ที่เครื่องซักผ้าที่บ้าน ไม่สามารถรองรับได้


นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า “Lazy Economy” หรือ เศรษฐกิจแห่งความขี้เกียจ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนมองว่าเวลามีค่ามากกว่าการลงแรงกับสิ่งที่ไม่จำเป็น จึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ Otteri เข้ามาเพื่อตอบโจทย์ ด้วยการทำให้การซักผ้ากลายเป็นเรื่องง่าย สะดวก และประหยัดเวลามากขึ้น


จากบทเรียนของ Otteri สิ่งที่ได้คือ แม้ตอนเริ่มต้นจะถูกมองว่าเป็นธุรกิจที่ไม่น่าสนใจหรือธรรมดา แต่ก็สามารถกลายเป็นธุรกิจพันล้านได้ ด้วยการทำความเข้าใจลูกค้าและใช้กลยุทธ์อย่างถูกต้อง ทำให้ Otteri จึงไม่ใช่เพียงร้านสะดวกซัก แต่เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการประหยัดเวลา เพิ่มคุณภาพชีวิต และซักผ้าให้สะอาดขึ้นโดยไม่ต้องลงทุนเอง และทั้งหมดคือสิ่งที่ทำให้ Otteri ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของตลาดร้านสะดวกซักในประเทศไทย โดยระยะเวลาเพียงแค่ 10 ปี


เรียบเรียงโดย: THE INSIDER 
Source
https://www.longtunman.com/50850 
https://themomentum.co/thechair-otteri-wash-and-dry/ 
https://youtu.be/kzvfITunMw0?si=utUWnQhb9uIe1NAm  

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *