จงใจ กิจแสวง – จากหนี้สินสู่เจ้าของแบรนด์หมูทอดร้อยล้าน

หลายคนคงเคยคิดว่า ความสำเร็จในธุรกิจนั้นต้องพึ่งโชคชะตา หรือเงินทุนที่มากพอ แต่หากมองลึกลงไป จะเห็นว่าเส้นทางสู่ความสำเร็จจริง ๆ นั้น เริ่มจากการตั้งใจและความไม่ยอมแพ้ในการเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคที่เข้าในชีวิต เรื่องราวของ เจ๊จง-จงใจ กิจแสวง เจ้าของร้านหมูทอดเจ๊จง เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนว่าแม้ในวันที่ไม่มีโชค แต่ต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้ ก็มีวันประสบความสำเร็จได้
ชีวิตของคุณจงใจ กิจแสวง หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “เจ๊จง” เจ้าของร้านหมูทอดเจ๊จง ไม่ใช่เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอเริ่มต้นชีวิตในครอบครัวที่ยากจน และไม่ได้รับการศึกษาอย่างเต็มที่ แต่ในความยากจนเธอกลับมีจิตใจที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แม้ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาหนี้สินที่เพิ่มขึ้นจากการเล่นแชร์ การช่วยเหลือคนอื่น ทำให้เธอมีหนี้สินมากมาย และในที่สุดทรัพย์สินบางอย่างก็ถูกยึดไป แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ยอมแพ้ เธอกลับหาทางที่จะพึ่งพาตัวเองจากการค้าขาย จนในที่สุดนำไปสู่การสร้างธุรกิจหมูทอดที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
จากวันที่แม้ไม่รู้จักคำว่า “แบรนด์” คืออะไร เจ๊จงจึงเริ่มต้นจากการค้าขายเล็ก ๆ โดยการซื้อของจากห้างสรรพสินค้าแล้วนำมาขายต่อ จนสร้างรายได้หลักหมื่นต่อวัน แต่เธอกลับผิดพลาดจากการเล่นแชร์และถูกทวงหนี้ จนทำให้ธุรกิจไม่สามารถหมุนเงินได้ตามที่ต้องการ ต่อมาเธอจึงคิดหาวิธีการใหม่ และตัดสินใจทำร้านข้าวแกงบุฟเฟต์ ซึ่งร้านจะเปิดถึงแค่ประมาณบ่าย 2 ดังนั้นจะมีเวลาหลายชั่วโมงตั้งแต่บ่ายถึงช่วงค่ำ ด้วยความบังเอิญที่ไปซื้อข้าวหมูทอดมาให้ลูกกิน จึงได้ไอเดียว่าจะขาย “ข้าวหมูทอด” ในช่วงเวลาที่ปิดร้านขายข้าวแกง
แม้จะเริ่มต้นจากข้าวหมูทอดในราคาห่อละ 10 บาท แต่ด้วยความพยายามและการปรับปรุงสูตรจนได้รสชาติที่ดีขึ้น ทำให้ข้าวหมูทอดได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนตัดสินใจปิดกิจการร้านข้าวแกงบุฟเฟต์และหันมาขายข้าวหมูทอดอย่างเต็มตัว เมื่อเลือกโฟกัสและทุ่มเทกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนทำได้ดี ผลลัพธ์ที่ได้คือมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็กลายมาเป็นแบรนด์ “หมูทอดเจ๊จง” ที่รู้จักกันในวงกว้าง จากเดิมมีอยู่เพียงแค่ 1 สาขา ก็ขยายไปมากกว่า 28 สาขาในปัจจุบัน แต่ความสำเร็จนี้ก็ไม่ได้มาจากความโชคดีเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความตั้งใจและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ด้าน แม้แต่ทุกวันนี้ เจ๊จง ก็ยังไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองและธุรกิจให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ
ในช่วงที่ธุรกิจเริ่มเติบโตมากขึ้น หนึ่งในคณะกรรมการในรายการ “SME ตีแตก” นั่นก็คือ อาจารย์ธัยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ได้เข้ามามีส่วนช่วยในการวางแผนขยายสาขา โดยการให้โอกาสลูก ๆ ที่ตัดสินใจมาช่วยงานที่ร้าน ได้มีโอกาสในการเปิดสาขาเป็นของตัวเอง โดยใช้วิธีการให้ยืมเงินไปลงทุนก่อน แล้วนำมาคืนภายหลัง ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางที่ช่วยให้ธุรกิจขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยเจ๊จงก็ยังคงทำงานหนัก แม้ว่าทุกวันนี้จะมีพนักงานเป็นจำนวนมากแล้วก็ตาม
แม้ในวันนี้ธุรกิจ “หมูทอดเจ๊จง” จะมียอดขายหลักร้อยล้านบาท แต่เจ๊จงยังคงยึดหลักการทำงานหนักและไม่หยุดเรียนรู้ เพราะเป้าหมายของเธอคือการสร้างธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน จึงเป็นที่มาของการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ เพื่อเปิดโอกาสในการเติบโต ไม่ใช่เฉพาะ “หมูทอดเจ๊จง” แต่เป็นแค่ “เจ๊จง” ที่ไปอยู่ในหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ โดยมีที่ปรึกษาคือ คุณหนุ่ย-ดร.ศิริกุล เลากัยกุล (นักสร้างแบรนด์มือวางอันดับต้นๆ ของประเทศ)
จากความท้าทายที่ชีวิตต้องเผชิญกับหนี้สิน เจ๊จงสามารถพลิกชีวิตสู่ความสำเร็จจากธุรกิจหมูทอด ที่มียอดขายหลักร้อยล้านบาท โดยไม่เคยหยุดพัฒนาและทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่ทำให้เธอสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ก็คือ “Mindset” หรือความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต สุดท้ายเจ๊จง ฝากคำแนะนำสำคัญให้กับผู้ที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจว่า “อย่ากลัว” เพราะถ้าเรากลัวที่จะเริ่มต้น เราจะไม่มีวันรู้ว่าความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้านั่นคืออะไร!
[Key Takeaway]
- ไม่ว่าสิ่งที่เราฝันถึงมันจะสวยงามมากเพียงใด แต่การเดินทางไปให้ถึงมันจริง ๆ ย่อมสวยงามและมีค่ามากกว่าเสมอ เพราะเราสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ มากมายมาได้ ผลลัพธ์ที่ปลายทางจึงเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
- กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อเริ่มสิ่งใหม่ แม้ “หมูทอดเจ๊จง” จะประสบความสำเร็จแล้ว แต่เจ๊จงก็ยังไม่หยุดนิ่ง ยังคงปรับตัว พัฒนา และหาโอกาสใหม่ ๆ เสมอ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง
- “อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา” เป็นประโยคที่เจ๊จงยึดถือในการทำงานทุกวัน และเป็นสิ่งที่ทำให้เธอก้าวสู่ความสำเร็จในวันนี้ เป็นบทพิสูจน์ว่า ความพยายามและความตั้งใจจริงทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– https://youtu.be/0ao-gfHTMAk?si=wUYyv5IGZvnmWTLV