LA GLACE แบรนด์เครื่องสำอางไทย พลิกวิกฤตสู่ยอดขาย 400 ล้าน

ในวันที่เสียงวิจารณ์ดังกว่าเสียงชื่นชม และดราม่าเกือบทำให้แบรนด์ล่มสลาย แต่สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จากจุดเริ่มต้นของนักศึกษาวัย 19 ปี ที่ไม่มีแม้แต่พื้นฐานทางธุรกิจ สู่ยอดขายกว่า 400 ล้านบาท เบื้องหลังความสำเร็จนี้ไม่ใช่เพียงความฝันหรือความกล้า แต่เป็นพลังของการล้มแล้วลุก และการสร้างแบรนด์ที่เข้าถึง “หัวใจของลูกค้า” อย่างแท้จริง เป็นสิ่งที่คุณไอติม-เอมลินทร์ ธีรธนากิตติพงษ์ (Co-founder of LA GLACE) ให้ความสำคัญมากที่สุด
LA GLACE มีจุดเริ่มต้นตอนคุณไอติมเรียนอยู่ชั้นปีที่ 1 ที่ตัดสินใจนำสิ่งที่ตัวเองชอบคือ “การแต่งหน้าใส ๆ สไตล์ธรรมชาติ” มาเปลี่ยนเป็นแบรนด์ของตัวเอง แม้ว่าในช่วงเวลานั้นการขายของผ่านออนไลน์ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่คุณไอติมรู้เพียงอย่างเดียวว่า “กระแสความนิยมในตัวเธอในฐานะ Influencer อาจไม่ยั่งยืน” แต่หากทำธุรกิจด้วยคุณภาพทำให้ยั่งยืนมากกว่า จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชื่อเสียงที่มี สร้างธุรกิจที่เธอหวังว่าจะเปลี่ยนชีวิตให้ดีกว่าเดิม
จุดแข็งของ LA GLACE ในช่วงเริ่มต้นไม่ใช่เงินทุน แต่คือ “ตัวตนที่ชัดเจน” ของคุณไอติม โดยเธอไม่เคยคิดว่าเธอขายสินค้า แต่เป็นการขาย “ความจริงใจ” ผ่านโซเชียลมีเดีย เธอเป็นทั้ง Influencer, Founder และ User ของแบรนด์ในคนเดียวกัน สิ่งที่เธอทำ เป็นสิ่งที่มาจากประสบการณ์ตรง ทำให้กลายเป็นสะพานที่เชื่อมโยงระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้แน่นแฟ้นขึ้น แม้การเติบโตในช่วงแรกจะเติบโตแบบช้า ๆ แต่เป็นการเลี้ยงเมล็ดพันธุ์ให้ค่อย ๆ แตกหน่ออย่างมั่นใจ
แต่เส้นทางของการทำธุรกิจ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะสิ่งที่ทำนั้นมาพร้อมกับความคาดหวังและความไว้วางใจ จึงตามมาด้วย “ดราม่า” ที่แทบทำให้คุณไอติมล้มทั้งยืน เสียงวิจารณ์ในโลกออนไลน์เรื่องคุณภาพของสินค้า กลายเป็นไฟลุกลามในชั่วข้ามคืน ทำให้คุณไอติมตัดสินใจปิด Social Media ทุกช่องทาง และหายตัวจากสื่อ หนักจนถึงขั้นเธอคิดว่า “พอแล้วกับความฝันนี้” แต่นั่นกลับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ
เพราะในวันที่มืดมิดที่สุด เธอกลับเจอแสงสว่างจาก “คุณเฟรนฟราย-ทิวาทัพพ์ ธรารักษ์อนันต์” พาร์ตเนอร์ผู้ร่วมก่อตั้ง ที่ไม่ได้ปล่อยให้คุณไอติมเผชิญปัญหาเพียงคนเดียว คุณเฟรนฟรายทำการเตือนสติให้คุณไอติมมองทุกอย่างเป็นบทเรียน มากกว่าโทษตัวเอง ความผิดพลาดไม่ได้ทำลายคุณค่า แต่เปิดโอกาสให้เรียนรู้ และสิ่งสำคัญที่สุดคือ “เมื่อผิด ก็ต้องกล้ารับผิดชอบ” และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าเริ่มกลับมาเชื่อมั่นอีกครั้ง
การกลับมาอีกครั้ง ไม่ได้แค่ลบภาพดราม่า แต่เป็นการ “ปรับโครงสร้าง” ทั้งองค์กรอย่างจริงจัง LA GLACE จากแบรนด์ที่เคยบริหารกันแค่ 2 คน กลายเป็นบริษัทเต็มรูปแบบที่มีระบบชัดเจนมากขึ้น คุณไอติมเรียนรู้ที่จะเป็น “ผู้นำ” เธอไม่กลัวอีกต่อไปที่จะรับคนเก่งเข้ามาร่วมทีม เพราะเข้าใจแล้วว่า “คนที่มีหัวใจผู้ประกอบการ” จะไม่แค่ทำงานให้เรา แต่จะเติบโตไปกับเรา
การปรับโครงสร้าง ทำให้ทีมมีเป้าหมายร่วมกันที่ชัดเจนมากขึ้น ไม่ใช่แค่เป้าหมายที่ยอดขาย แต่เป็นเป้าหมายของความภาคภูมิใจ ที่เลือกจะร่วมทางไปกับแบรนด์เล็ก ๆ แบรนด์หนึ่ง ถูกปลุกพลังให้เชื่อในสิ่งเดียวกัน ผ่านคำพูดที่คุณไอติมย้ำเสมอว่า “เราแพ้มาเป็น 10 ครั้ง ต้องมีสักครั้งที่เราจะชนะ” ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างแรงบันดาลใจ แต่เป็น “พลังบวก” ที่หล่อเลี้ยงหัวใจของทีมงานทุกคน
จนทำให้ปีที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 400 ล้านบาท แต่เบื้องหลังของยอดขายนี้ ไม่ใช่เรื่องของความบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ของ “การลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ” ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา “ทำสินค้าดี รับฟังลูกค้า สื่อสารแบรนด์อย่างต่อเนื่อง” คือหัวใจของความสำเร็จ ไม่ใช่แค่การวางกลยุทธ์ แต่เป็นความเข้าใจในหัวใจของผู้บริโภค และไม่หยุดฟังเสียงพวกเขาแม้แต่วันเดียว
ซึ่งคุณไอติมมองว่า LA GLACE ไม่ได้ขายแค่เครื่องสำอาง แต่ขาย “ความรู้สึกพิเศษ” ในการใช้งานในทุก Product ที่ถูกออกแบบจากคำถามว่า “สิ่งนี้ทำให้คนว้าวหรือไม่?” ถ้าไม่มีใครในทีมรู้สึกตื่นเต้นกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ก็ยังไม่ควร launch ออกไป เพราะ “เราไม่ได้ทำเพื่อขาย” แต่ทำเพื่อสร้างความมั่นใจให้คนที่เลือกใช้แบรนด์เรา
ในวันที่แบรนด์กำลังเติบโต คุณไอติมมีความฝันที่อยากขยายให้ใหญ่ขึ้น จนทำให้ LA GLACE เป็นแบรนด์อันดับ 1 ของไทยและต่อยอดสู่ตลาดอาเซียน แต่ไม่ว่าความฝันจะไปไกลแค่ไหน สิ่งที่เธอไม่เปลี่ยนคือ “ความรักต่อลูกค้า” และ “ความเชื่อในคุณภาพ” เพราะทุกความสำเร็จที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นผลจากการกล้าที่จะ “เริ่มทำ” แม้ไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นอย่างไร
เรื่องราวของ LA GLACE คือบทพิสูจน์ว่า “ความไม่รู้ ไม่ใช่จุดด้อย” แต่เป็นประตูบานแรกของการเรียนรู้ที่แท้จริง บางครั้งเกิดดราม่าจะเป็นครูที่โหด แต่ก็ให้บทเรียนที่ล้ำค่า ความสำเร็จไม่เคยเกิดขึ้นในเพียงข้ามคืน และไม่มีใคร “โชคดี” ตลอดเวลา ถ้ามีเพียงแค่สิ่งเดียวที่สามารถเริ่มได้ในวันนี้ ขอให้ “เริ่มต้นลงมือทำ” เพราะแม้จะเจ็บ แม้จะแพ้ แต่สักวัน จะเป็นวันที่ชนะ
[Key Takeaway]
- การฟื้นจากความล้มเหลวต้องมีทั้ง “ใจ” และ “ทีม” ที่ดี
- แบรนด์ที่เติบโตได้ ต้องเข้าใจและเชื่อมต่อ “หัวใจของลูกค้า”
- ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ มาจากการทำสิ่งเล็ก ๆ อย่างสม่ำเสมอ
แล้วคุณล่ะ จะมีวิธีการเปลี่ยน “ดราม่า” ให้เป็น “แรงผลักดัน” อย่างไร?
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– หนังสือจาก 0 สู่ 100 ล้าน โดย พงศธร ธนบดีภัทร
– https://youtu.be/glItb9YXT1w?si=5CnXOpkC59R92rHZ