SUITCUBE กับแนวคิด “สูทพอดีตัว” สร้างประสบการณ์แฟชั่นใหม่

คงเป็นปัญหาสำหรับผู้ชายอยู่จำนวนไม่น้อย กับปัญหาง่าย ๆ อย่างการหาสูทที่ “ใส่พอดีตัวจริง ๆ” และแม้จะมีร้านสูทอยู่มากมายในห้างใหญ่ แต่การตัดที่มีคุณภาพก็ตามมาด้วยราคาที่สูง ทำให้สูทกลายเป็นสินค้าที่จับต้องได้ยาก แต่มีชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า “สน จันทรศุภฤกษ์” มองเห็นโอกาสในปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ จึงเปลี่ยนสิ่งที่เป็น Pain Point ให้กลายเป็นแบรนด์ ที่ไม่ได้ขายแค่สูท แต่ขาย “ความมั่นใจ” ทางแฟชั่นผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง จนกลายเป็นแบรนด์ที่มีชื่อว่า “SUITCUBE”
แม้หากกล่าวถึงสูท จะต้องเป็นสินค้าที่แพงและจับต้องได้ยาก สำหรับการเริ่มต้นแบรนด์ SUITCUBE นั่นไม่ได้เริ่มจากเงินทุนก้อนโต หรือการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ แต่เริ่มจากชายคนหนึ่งที่เคยไปรับเงินไปโรงเรียนเพียงวันละ 5 บาท ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของเพื่อนในวัยเดียวกัน จุดเล็ก ๆ นี้ทำให้คุณสน ตั้งเป้าหมายกับตัวเองว่า “ถ้าอยากได้อะไร ต้องหาด้วยตัวเอง” เขาจึงเริ่มจากการขายการ์ดในวัยเด็ก รับจ้างทำรายงาน และพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ไปถึงการขายของใน eBay รวมไปถึงของที่ระลึกในงานรับปริญญา ก่อเกิดเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่ในวัยเรียน
หลังจาเรียนจบในระดับปริญญาตรี และทำงานอยู่ในบริษัทอยู่หลายปี คุณสนตัดสินใจใช้เงินเก็บที่มี เพื่อไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ แต่หลังจากเรียนจบกลับมา ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง ชีวิตไม่ได้ก้าวกระโดดตามที่คิดไว้ หลายบริษัทปฏิเสธเพราะอายุยังน้อย แต่เรียกร้องตำแหน่งที่สูง เขาจึงหันมารับจ้างถ่ายรูป ไปจนถึงเป็นนายหน้าอสังหาฯ และอีกหลาย ๆ อาชีพ ซึ่งทำให้เรารู้ว่า ลูกค้าไม่ได้ต้องการแค่สินค้า แต่ต้องการประสบการณ์ที่ดีด้วย
SUITCUBE เริ่มต้นจากประสบการณ์ตรง เมื่อคุณสนต้องการหาสูทเพื่อใส่ในงานแต่งงานของเขาเอง แต่ได้รับการบริการที่ไม่น่าประทับใจจากร้านสูท เขามองว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับการทำธุรกิจ เพราะลูกค้าไม่ได้ต้องการแค่ซื้อสินค้าออกไป แต่ต้องการความรู้สึกที่ดี เมื่อเดินเข้าร้านและออกจากร้านไป นั่นคือจุดตั้งต้นของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญในสินค้าและการบริการ อย่างเท่าเทียม
ในการทำธุรกิจช่วงแรก คุณสนเลือกใช้แนวคิด Lean Startup อย่างจริงจัง โดยเริ่มจากร้านเล็ก ๆ ในชานเมือง เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้าอย่างใกล้ชิด เขาเชื่อว่าร้านใหญ่ไม่ได้การันตียอดขาย และลูกค้าไม่ได้อยู่แค่ในใจกลางเมือง การเลือกพื้นที่ที่ค่าเช่าไม่แพง แต่เดินทางมาได้สะดวก ทำให้ SUITCUBE เข้าใจลูกค้าในแต่ละโซน และกลายเป็นฐานข้อมูลที่แข็งแกร่งในการขยายสาขาในอนาคตแบบมั่นคง
สิ่งที่ทำให้ SUITCUBE มีความแตกต่าง คือการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการสั่งตัดสูทแบบออนไลน์ ลูกค้าเพียงกรอกข้อมูลที่จำเป็น จะได้รับการประมวลผลและแนะนำสูทที่เหมาะสมกับบุคลิกได้อย่างแม่นยำ ผ่านการทำงานของ AI สิ่งนี้จึงไม่ใช่แค่การขายสินค้าออนไลน์ แต่เป็นการสร้างประสบการณ์ส่วนบุคคลให้กับลูกค้าได้ ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ส่วนใดของประเทศ ก็สามารถตัดสูทได้โดยไม่ต้องมาที่หน้าร้าน
แม้จะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ไม่มีการลดคุณภาพของงานฝีมือลงแม้แต่น้อย ทุกขั้นตอนในการตัดเย็บ ยังคงมีความพิถีพิถัน เพราะคุณสนเชื่อว่า “คุณภาพคือหัวใจ” โดยเฉพาะช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่หลายแบรนด์จำเป็นต้องลดต้นทุน แต่ SUITCUBE ยังคงคุณภาพไว้ครบถ้วน เพราะเชื่อมั่นว่า ลูกค้าจะจดจำแบรนด์จากความคุ้มค่าในระยะยาว ไม่ใช่เพียงแค่โปรโมชั่นในระยะสั้น
ในฐานะที่เป็นคุณสนเป็นทั้ง CEO และ Founder แต่ไม่ใช่ทำหน้าที่เพียงแค่การสั่งงาน แต่เขาคือ Chief Everything Officer ที่ทำทุกอย่างจริง ๆ เช่น ในวันที่ทีม Call Center ลาออกยกทีม เขาก็รับโทรศัพท์ลูกค้าด้วยตัวเองมากกว่า 200 สายต่อวัน และยังลงมือแพ็กของตัวเองเป็นเดือน ๆ ความมุ่งมั่นเช่นนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเข้าใจในทุกกระบวนการของธุรกิจ แต่เป็นแบบอย่างของผู้นำที่ “ลงมือทำก่อนพูด”
แม้แบรนด์จะเติบโตมามากกว่า 10 ปี แต่หัวใจของแบรนด์ยังคงเหมือนเดิม คือ “ทำให้ลูกค้าเข้าถึงแฟชั่นที่ดีอย่างเท่าเทียม” ไม่ว่าจะรูปร่างไหน งบประมาณเท่าไหร่ หรืออยู่ที่ไหนก็ตาม ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้ใส่สูทที่พอดีตัวและรู้สึกมั่นใจในโอกาสสำคัญของชีวิต แนวคิดนี้จึงกลายเป็นพลังในการขับเคลื่อนให้แบรนด์เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ
ในส่วนของการบริหารพนักงาน คุณสนให้ความสำคัญกับการฟังเสียงของพนักงาน และบริหารด้วย “คำชม” มากกว่าคำตำหนิ เขาเชื่อว่า ทุกคนสามารถพูดคุยกันแบบตรง ๆ ได้ และเพราะเป็นบริษัทขนาดเล็ก จึงมีข้อได้เปรียบในการรับฟังปัญหาได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านระบบที่ซับซ้อน ความเชื่อนี้ทำให้ทีมงานรู้สึกมีคุณค่า และเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตไปด้วยกันอย่างแท้จริง
SUITCUBE จึงเป็นมากกว่าธุรกิจขายสูท แต่มันคือสิ่งที่พิสูจน์ว่า “ธุรกิจดีเริ่มต้นจากความไม่สมบูรณ์แบบ” ด้วยแนวคิดที่เข้าใจลูกค้า ใส่ใจในรายละเอียด และไม่กลัวที่จะทำสิ่งต่าง ๆ จากคนอื่น แม้จะไม่มีจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อเดินถูกทางอย่างจริงใจ ความสำเร็จก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้เสมอ
[Key Takeaway]
- เริ่มจากจุดเล็ก ๆ ได้ หากเข้าใจ Pain Point ของลูกค้าอย่างแท้จริง
- เทคโนโลยีและหัวใจของคน ต้องเดินไปคู่กัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ
- ธุรกิจที่ยั่งยืนไม่ใช่แค่ยอดขาย แต่คือความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าและพนักงาน
แล้วคุณหล่ะ สามารถเปลี่ยน Pain Point ให้กลายเป็นธุรกิจอะไรได้บ้าง?
เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– หนังสือจาก 0 สู่ 100 ล้าน โดย พงศธร ธนบดีภัทร
– https://youtu.be/UDLyIoj_lqM?si=OtV-oEFoixP71UKm