เบื้องหลังความสำเร็จ สุกี้ตี๋น้อย กับแนวคิดธุรกิจใหม่

เคยถามตัวเองหรือไม่ว่า “นี่คือชีวิตที่เราอยากให้จริง ๆ หรือเปล่า?” แม้จะเป็นคำถามที่ดูธรรมดา แต่ทำให้หลายคนหยุดทบทวนเส้นทางชีวิตของตัวเอง เช่นเดียวกับคุณเฟิร์น-นัทธมน พิศาลกิจวนิช ผู้ก่อตั้งแบรนด์สุกี้ตี๋น้อย คนที่ตั้งคำถามกับตัวเอง จนจุดไฟให้เธอพลิกชีวิตจากสายงานลักชัวรีแบรนด์ สู่การเป็นเจ้าของแบรนด์สุกี้พันล้าน

“แล้วเราจะอยู่แค่นี้จริง ๆ หรอ?” เป็นคำถามสั้น ๆ ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ของคุณเฟิร์น จากหญิงสาวในโลกของแฟชั่นและแบรนด์หรู สู่เจ้าของธุรกิจร้านอาหารที่สร้างรายได้เข้าใกล้หมื่นล้าน แต่ก่อนที่เธอจะก้าวมาเป็นเจ้าของแบรนด์สุกี้ตี๋น้อย เวทีแรกของเธอคือ “เรือนปั้นหยา” ร้านอาหารของครอบครัว เป็นที่ที่เธอได้เรียนรู้กลไกของธุรกิจบริการอย่างใกล้ชิด ทั้งปัญหาเรื่องการพึ่งพาพ่อครัวเป็นหลัก ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และข้อจำกัดในการขยายสาขา ทุกข้อจำกัดนี้กลายเป็นแรงผลักดันให้เธอออกแบบธุรกิจใหม่ที่แตกต่าง

ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างธุรกิจที่ “ขยายได้” และ “ยั่งยืน” คุณเฟิร์นจึงเลือกแนวคิดของ “ลูกค้าปรุงเอง” เพื่อลดต้นทุนแรงงาน ควบคุมคุณภาพ และสามารถตั้งราคาที่ลูกค้าทุกกลุ่มเข้าถึงได้ จุดเริ่มต้นของ “สุกี้ตี๋น้อย” จึงถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดอันเรียบง่าย โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ ให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารดี ๆ ในราคาย่อมเยา พร้อมกับสร้างระบบที่สามารถขยายธุรกิจในอนาคตได้อย่างมั่นคง

แม้คุณเฟิร์นจะเริ่มต้นด้วยความไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับอาหารเลย แต่เธอกลับไม่ลังเลที่จะลงมือเรียนรู้ทุกอย่าง ตั้งแต่การหั่นผัก ล้างจาน จัดการระบบหลังบ้าน ไปจนถึงการบริหารพนักงานในร้าน การลงมือทำจริงในทุกขั้นตอน ช่วยให้เธอเข้าใจธุรกิจในเชิงลึก และกลายเป็นรากฐานที่แข็งแรงสำหรับการต่อยอดธุรกิจในระยะยาว สิ่งสำคัญคือเธอไม่ได้ “กลัวการไม่รู้” แต่กลับมองว่าการไม่ลงมือทำนั้นแย่กว่า

เมื่อคุณเฟิร์นตัดสินใจเปิดสาขาแรก ก็ต้องใช้กลยุทธ์กล้าได้กล้าเสีย ด้วยการให้ลูกค้าในชุมชนเข้ามาทานอาหารฟรี เพื่อแลกกับคำแนะนำ วิธีการนี้ช่วยให้สามารถปรับปรุงเมนู การบริการ และบรรยากาศของร้านให้ตรงใจกับลูกค้ามากที่สุด การฟังเสียงลูกค้า ทำให้เธอได้เรียนรู้ว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่แค่รสชาติของอาหาร แต่อยู่ที่ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับกลับไป

ทำให้สาขาแรกประสบความสำเร็จ เป็นการจุดไฟให้กำเนิดสาขาที่สองอย่างมั่นใจ โดยเลือกทำเลริมถนนเลียบด่วนรามอินทรา การออกแบบร้านให้หรูหราในราคาประหยัด และกลยุทธ์สร้างกระแสด้วย “ถาดซ้อนสูง” ที่กลายเป็นเอกลักษณ์ไวรัลในโซเชียล มีผลทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็ว พร้อมคอนเซปต์ใหม่ “สุกี้ตี๋น้อยคอนโด” ที่กลายเป็นภาพจำในโลกออนไลน์

แม้กระแสจะมาแรง แต่คุณเฟิร์นกลับไม่ประมาท เธอเข้าใจดีกระแสนิยมมีวันจางหาย จึงเลือกที่จะรับอย่างมีแผน ด้วยการเน้นคุณภาพบริการ และใช้ระบบเพื่อตรวจสอบระบบหลังร้าน เพื่อไม่ให้มาตรฐานตกหล่น ซึ่งช่วยรักษาความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องในขณะที่ขยายสาขาไปทั่วประเทศ

ด้วยจำนวนสาขาที่เพิ่มมากขึ้น การควบคุมคุณภาพจึงกลายเป็นความท้าทายที่สำคัญ คุณเฟิร์นจึงสร้างระบบบริหารจัดการที่แม่นยำ ทั้งในด้านวัตถุดิบ พนักงาน การฝึกอบรม และการสื่อสารภายในองค์กร ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้แนวคิด “โตได้ แต่ต้องไม่หลุดจากตัวตนของแบรนด์” เพื่อให้สุกี้ตี๋น้อยยังคงเป็นที่รักของลูกค้าในระยะยาว

หนึ่งในโครงการที่สะท้อนวิธีคิดเชิงบวกของคุณเฟิร์นได้ดีที่สุดคือ “ตี๋น้อยปันสุข” ที่นำวัตถุดิบเหลือจากการผลิตมาเป็นข้าวแกงราคาประหยัด โครงการนี้ไม่เพียงลดของเสีย แต่ยังเพิ่มโอกาสให้ผู้คนเข้าถึงอาหารดีๆ ได้มากขึ้นอีกด้วย นี่คือการสร้างคุณค่าทางสังคมจากสิ่งที่คนอื่นมองข้าม และแสดงให้เห็นว่า “ของเหลือ” ก็สร้างโอกาสได้ หากมีวิสัยทัศน์

และอีกจุดหนึ่งที่ใครเคยไปทานสุกี้ตี๋น้อยจะได้ยินนั่นคือเพลงยุค 90s ซึ่งอาจทำให้หลายคนสงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นเพลงในยุคนั้น ก็เพราะเป็นความทรงจำของคุณเฟิร์นเอง เพลงที่ไม่มีในกลยุทธ์การตลาดใด ๆ ก็สามารถสร้างความรู้สึกเป็นกันเองให้ลูกค้าอย่างไม่รู้ตัว เพราะคนเราจดจำอารมณ์ได้ดีกว่าราคา และ “อารมณ์” ที่ว่าก็อาจเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้ากลับมาอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว

จากสาขาเล็ก ๆ สู่แบรนด์ร้านสุกี้พันล้าน โดยล่าสุด บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของ สุกี้ตี๋น้อย เพิ่งส่งงบการเงินปี 2567 ให้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยมีรายได้ 7,075 ล้าน เป็นกำไร 1,169 ล้าน คิดเป็นอัตรากำไร 16.5% ซึ่งเติบโตจากปีที่แล้ว ที่มีรายได้ 5,262 ล้านบาท หมายความว่ารายได้เติบโตขึ้น 34.46% จากปีที่ผ่านมา ดังนั้นเส้นทางสู่แบรนด์ร้านสุกี้หมื่นล้านอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

ความสำเร็จนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มาจากการ “ทำเลย” ไม่ใช่ “ทำไม” ของผู้หญิงที่กล้าเปลี่ยนเส้นทางจากนั่งอยู่หน้าจอ สู่ครัวจริง และจากความไม่รู้ สู่องค์ความรู้ที่เกิดจากการลงมือทำทุกวัน สุกี้ตี๋น้อยไม่ใช่แค่ร้านอาหาร แต่คือบทพิสูจน์ว่า “ความกล้าเริ่มต้นใหม่” คือเครื่องมือที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง แล้วคุณล่ะ…พร้อมจะ “ลงมือทำ” หรือยัง?

[Key Takeaway]

• ความสำเร็จไม่ได้เริ่มจากความรู้ แต่เริ่มจากความกล้าลงมือทำ: แม้ไม่มีพื้นฐานในธุรกิจอาหาร แต่คุณเฟิร์นเลือกเรียนรู้จากการลงมือจริง
• ธุรกิจที่ยั่งยืนต้องคิดให้เป็นระบบตั้งแต่ต้น: การออกแบบระบบที่ขยายได้และไม่พึ่งพาทักษะเฉพาะของบุคคล เช่น การให้ลูกค้าปรุงอาหารเอง คือกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้แบรนด์เติบโตเร็วและควบคุมคุณภาพได้
• การฟังเสียงลูกค้าคือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการพัฒนา: กลยุทธ์เปิดให้ลูกค้าทานฟรีในช่วงแรก เพื่อตอบแทนด้วยคำแนะนำ คือการลงทุนที่คุ้มค่ามากในระยะยาว

เรียบเรียงโดย: THE INSIDER

Source
– https://datawarehouse.dbd.go.th/index
– https://youtu.be/0sH3eRp400Y?si=ELxazvhzAPjOZF4K
– หนังสือจาก 0 สู่ 100 ล้าน โดย พงศธร ธนบดีภัทร