จากเด็กบัญชีสู่ผู้ก่อตั้ง RAVIPA แบรนด์เครื่องประดับระดับโลก

0
เครื่องประดับดีไซน์ไทย สร้อยข้อมือศักดิ์สิทธิ์ ธุรกิจเริ่มต้นจากศูนย์ แบรนด์ไทยระดับโลก ความสำเร็จของผู้หญิงไทย Thai jewelry brand Meaningful bracelet design Women entrepreneur success Startup jewelry journey Ravipa collaboration Disney


จากเด็กสาวปี 3 คณะบัญชี ที่ไม่มีความรู้ด้านธุรกิจ ไม่มีทีม ไม่มีทุน ไม่มีประสบการณ์ แต่มีความฝันชัดเจนว่าอยากมี “แบรนด์เป็นของตัวเอง” โดยเริ่มจากเงินเก็บ 10,000 บาท ลงมือทำแบบไม่รู้ว่าคำว่า “ผู้ประกอบการคืออะไร” แต่มีหัวใจที่พร้อมสู้ในทุกวัน ผลลัพธ์จากความพยายาม จนกลายมาเป็น “Ravipa” แบรนด์ไทยที่มี 40 สาขาทั่วโลก และเป็นแบรนด์เครื่องประดับที่ได้ร่วมงานกับ Disney


คำตอบของความสำเร็จ ไม่ใช่ทุนมหาศาลหรือทีมที่พร้อม แต่เป็น “ความกล้า” ที่จะเริ่มต้น และ “ความชัดเจน” ในความฝัน คุณสา-ธนิสา วีระศักดิ์ศรี เริ่มทำแบรนด์ Ravipa ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ปี 3 คณะบัญชี ที่จุฬาฯ เริ่มต้นจากการขายเสื้อยืดตัวละ 350 บาท ก่อนจะจับมือกับพี่สาวที่มีความสามารถด้านการออกแบบ มาเปลี่ยนเส้นทางสู่ธุรกิจเครื่องประดับ โดยเธอรับผิดชอบภาพรวมแบรนด์ ขณะที่พี่สาวดูแลการออกแบบทั้งหมด จุดเริ่มต้นไม่ได้มาจากความพร้อม แต่มาจาก Passion และการ “กล้าลอง” ก่อนใครในวันที่โซเชียลมีเดียเพิ่งเริ่มต้น


ในวันที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักคำว่า “Social Media” แต่คุณสา ก็เริ่มสร้างตัวตนของแบรนด์ผ่าน IG และ Facebook โดยไม่มีใครสอน และเริ่มต้นจำหน่ายสินค้าชิ้นแรก โดยใช้วิธี Pre-order ผลิตชิ้นต่อชิ้นด้วยช่างฝีมือ นำเงินจากลูกค้ามาใช้ในการสั่งผลิต แม้จะยังไม่มีโกดัง ไม่มีระบบ แต่มีความจริงใจที่ส่งตรงถึงลูกค้า และการออกบูทครั้งแรกที่ K Village จะมีเพียงแค่โต๊ะพับกับผ้าคลุมสีดำ พร้อมสวมชุดนิสิต แต่จุดเล็ก ๆ นี้เอง ที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นใน “ความจริงใจ” และสนใจในสินค้า แม้จะไม่รู้จักแบรนด์ก็ตาม


แม้จะไม่มีภาพในหัวว่าสิ่งที่ทำจะใหญ่แค่ไหน แต่คุณสาก็เดินหน้าทีละก้าวแบบไม่กดดันตัวเอง ผ่านการวางเป้าหมายแบบไม่ไกลเกินไป เมื่อเดินไปถึงก็วางเป้าหมายใหม่อีกครั้ง “ไม่ต้องรีบสำเร็จ แต่ไม่หยุดเดิน” และไม่ยอมปล่อยให้แรงกดดันทำลายความฝัน โดยมองว่า “Ravipa” เปรียบเสมือนลูกคนหนึ่ง ที่ค่อย ๆ เติบโตในแต่ละช่วงวัย ย่อมมีช่วงที่ร้องไห้ ล้มลุก และเจ็บปวด ซึ่งหนึ่งในจุดที่เจ็บปวดที่สุดคือการ “โดนลอกเลียนแบบ” จากแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่สามารถผลิตได้ในปริมาณที่มากกว่า ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า


บทเรียนจากการขโมยผลงาน ก็ทำให้คุณสารู้ว่า “ไอเดียอย่างเดียวไม่พอ” ถ้าไม่มี Branding ที่แข็งแรง และสิ่งที่คุณสาเลือกทำ คือการไม่เสียเวลาไปไล่จับโจร แต่ใช้เวลาเหล่านั้น “ทำให้แบรนด์ไปต่อ” และบอกกับทีมเสมอว่า การที่คนอื่นลอกเลียนแบบเรา แปลว่า “เราเป็นผู้นำ” ถ้าแบรนด์ไม่ดีจริง คงไม่มีใครอยากลอกเลียนแบบ นั่นคือความเจ็บปวดที่แอบซ่อนความภูมิใจไว้อย่างแนบเนียน และเป็นเชื้อเพลิงในการลุกขึ้นอีกครั้ง


จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ “Ravipa” คือการเปิดตัว “สร้อยข้อมือศักดิ์สิทธิ์” ที่มีจุดเริ่มต้นจาก pain point ส่วนตัวที่อยากมีเครื่องรางที่ดูดี ใส่ได้ทุกวัน แต่ไม่ดู “มูจนเกินไป” กลายเป็นคอนเซปต์ “มูแบบไม่ตะโกน” ที่โดนใจทั้งตลาด จนทำให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจคนรุ่นใหม่มากขึ้น และก็เกิดการลอกเลียนแบบอีกครั้ง แม้จะรู้สึกเสียใจ แต่คุณสา ก็ไม่หยุดเดิน ออกแบบสินค้าตัวใหม่ จนได้รับรางวัล DEmark Award ที่การันตีว่า Ravipa ไม่ใช่แค่แบรนด์ที่สวย แต่มีแนวคิดระดับโลก


และหลังจากนั้น กว่าจะมีสินค้าที่ประสบความสำเร็จอีกครั้ง ก็ใช้เวลาห่างกันเกือบ 5 ปี แต่คุณสา บอกว่า เส้นทางของผู้ประกอบการไม่ใช่การวิ่งให้เร็ว แต่เป็น “ความต่อเนื่อง” แม้มีวันที่เหนื่อย มีวันที่อยากยอมแพ้ แต่ทุกครั้งก็จะบอกกับตัวเองเสมอว่า “สักวันต้องเป็นวันของเรา” และในวันที่โอกาสยังไม่มาถึง เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะความโชคดีอาจซื้อไม่ได้ แต่ “เราทำตัวให้พร้อมสำหรับความโชคดีได้”


จากออนไลน์ สู่ห้างใหญ่ระดับประเทศ ทั้ง Paragon และ Central World ถึงแม้จะเต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่คุณสาเปลี่ยนมุมมองและวิธีคิด “ถ้าปล่อยโอกาสนี้ไป อาจต้องรออีก 3-5 ปี” แม้จะกลัว แต่เธอกลัวโอกาสจะไม่กลับมาอีกมากกว่า และใช้หลักการ “learning by doing” เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ แล้วพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์จริง ๆ ในทุกการขาย


โดยสาขาล่าสุดที่เปิดตัว ตั้งอยู่สยามสแควร์ ซอย 7 เป็น New Flagship Store ของ Ravipa ที่มีทั้งเครื่องประดับและสินค้าใหม่อย่าง “BABY LAKSHIM” Art Toys ตัวแรกของแบรนด์ รวมถึงสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงอย่าง “Hug & Paws Lucky Charm” จากความตั้งใจส่งพลังบวกให้กับทุกสิ่งที่เรารัก Ravipa จึงไม่ได้เป็นแค่แบรนด์เครื่องประดับ แต่คือ “Meaning for Everyday” ที่มีของขวัญให้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกความเชื่อ และทุกความฝัน


และความภาคภูมิใจที่สุด คือการได้เป็น Partner กับ Disney ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับทุกแบรนด์ และทุกการร่วมงานของ Ravipa ก็ไม่ได้ทำเพื่อเกาะกระแส แต่ทุกการร่วมงาน ต้องมีเหตุผล และ “Wow Facter” รวมไปถึงการสร้างเรื่องเล่าใหม่ ๆ ให้แบรนด์ได้จริง เช่น การเป็นแบรนด์แรกที่ทำ Jewelry ร่วมกับ The Monsters หรือ Labubu เพราะเธอเชื่อว่า “ไม่ใช่ทุกความร่วมมือจะดี ถ้ามันไม่สร้างความหมาย”


สุดท้าย เรื่องราวของ Ravipa ไม่ใช่เพียงบทพิสูจน์ของแบรนด์ไทยที่ไปไกลระดับโลก แต่คือบทเรียนของความฝันที่ไม่ถูกลดราคา ไม่เคยหยุดพัฒนา และไม่ยอมแพ้แม้จะเจ็บแค่ไหน คุณสาสรุปไว้ว่า “อย่าให้ใครดูถูกความฝันของเรา” เพราะฝันอาจเป็นไปไม่ได้แค่ตอนนี้ แต่อาจเป็นจริงเมื่อถึงเวลา หากเรายังไม่ล้มเลิกซะก่อน


เรียบเรียงโดย: THE INSIDER
Source
– https://youtu.be/VdjF68MKjNc?si=xz6R2shATT9rmaxi

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *